วิลล่า คุณาลัยฯเผยปี 65-66 ตลาดแนวราบยังมีแนวโน้มเติบโต ล่าสุดเปิดตัว “คุณาลัย พาร์โก้” มูลค่า 500 ล้านบาท รับทำเลบางบัวทองการแข่งขันเดือด สงครามราคาลดน้อยลง เหตุที่ดินเริ่มหายาก ราคาปรับสูงขึ้น 2 เท่า เป็น 4 ล้านบาท/ไร่ มั่นใจคุณภาพเทียบเท่ารายใหญ่ มั่นใจขยายฐานลูกค้าครบ 4 โซนกทม.ตามแผน คาดกวาดยอดขายทั้งปีตามเป้า 1,800 ล้านบาท และรายได้โตเพิ่มขึ้น 15-20 %
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มองแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ ปี2565 ปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2564 โดยมองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันพ้นจุดที่ต่ำสุดของดัชนีต่าง ๆ ที่สำคัญแล้ว ขณะที่ภาครัฐยังคงดำเนินนโยบาย “งบประมาณขาดดุล” การลงทุนที่สำคัญของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น รถไฟฟ้า ถนน ทางด่วน ซึ่งส่งผลต่อการหมุนเวียนของกระแสเงินภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายกระตุ้นช่วยเหลือโครงการต่าง ๆ ทยอยออกมาต่อเนื่อง เช่นการใช้จ่าย โครงการคนละครึ่ง การท่องเที่ยวและอื่น ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อได้ รวมถึงการเปิดรับชาวต่างชาติ ทำให้ภาพรวมของทุกอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่ดีขึ้นค่อนข้างชัดเจนในทุกด้าน

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลาดอสังหาฯมีการชะลอตัว โดยเฉพาะโครงการแนวสูง เนื่องจากกำลังซื้อส่วนหนึ่งมาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป ทำให้โครงการแนวราบมีอัตราการเติบโตมากขึ้น และเชื่อว่าในปี 2565-2566 ยังเติบโตต่อเนื่อง”นางประวีรัตน์ กล่าว

นางประวีรัตน์ กล่าวต่อไปว่า โดยที่ในช่วงที่ผ่านมาได้เห็นจำนวนการเข้าชมโครงการจากลูกค้าที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ยังมีความต้องการของลูกค้าในการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ยังมีความต้องการซื้อที่สูง จากพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนหลังจากโควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งลูกค้าที่เข้าชมโครงการส่วนใหญ่จะเข้ามาชมบ้านเดี่ยวระดับราคา 5 ล้านบาท เป็นส่วนใหญ่ขณะเดียวกันบริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการแนวราบ และเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารู้จัก ทำให้ลูกค้ามีจำนวนลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการเป็นจำนวนมาก และทำสถิติการเข้าเยี่ยมชมสูงสุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และทำให้บริษัทสามารถปิดการขายได้จำนวนมาก
ด้านการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 1/2565 บริษัทได้เปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ “คุณาลัย พาร์โก้” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 21 ไร่ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส  จำนวน 96 ยูนิต  ราคาเริ่มต้นที่ 4.79 ล้านบาท มูลค่ารวม 500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยพัฒนาในช่วงปี 2665-2567 โดยได้เปิดขายเฟสแรกไปแล้วจำนวน 20 ยูนิต ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในช่วงการเปิดขายโครงการ

จังหวัดนนทบุรี มีวิสัยทัศน์ในการเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นดีของคนกรุงเทพฯ โดยมุ่งพัฒนาเมืองเพื่อการเป็นที่อยู่อาศัยในทุกรูปแบบ และตอบโจทย์บนทำเลที่ใกล้กรุงเทพฯ รวมถึงแหล่งการคมนาคมควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับการเดินทาง ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงสะท้อนถึงตัวเลขโครงการที่อยู่อาศัยที่ทยอยเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่อัตราการแข่งขันที่ทวีความคึกคักมากยิ่งขึ้น

“ทำเลบางบัวทองเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีการแข่งขันที่หลากหลายมากขึ้นในทุกระดับสินค้า โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะแข่งขันกันในเรื่องราคา ในขณะที่บริษัทฯจะเน้นในเรื่องคุณภาพและความคุ้มค่าในการใช้ชีวิตในการอยู่อาศัยมาโดยตลอด ในราคาที่เท่ากับคู่แข่ง ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันด้านราคาเริ่มน้อยลง เพราะราคาที่ดินปรับตัวขึ้นสูงเป็น 2 เท่าตัวจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาอยู่ที่ 2 ล้านบาท/ไร่ ปรับสูงขึ้นเป็น 4 ล้านบาท/ไร่ ขณะเดียวกันในปัจจุบันผู้ประกอบการจะหันมาแข่งขันในเรื่องดีไซน์ เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยที่ปรับใช้ตอบโจทย์ได้จริง และพื้นที่ย่านบางบัวทองลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเกือบ 100%”นางประวีรัตน์ กล่าว

นางประวีรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ในฐานะผู้นำในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ในทำเลบางบัวทอง จึงเห็นถึงโอกาสต่อยอดการลงทุนโซนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางในการครองแชมป์การเป็นเจ้าตลาดของโซนนี้ คือการชิงส่วนแบ่งตลาด (Market Penetration) ด้วยการพัฒนาสินค้าบ้านใหม่ๆ ให้ครบทุก Segment  ทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยวพรีเมี่ยม และอาคารพาณิชย์ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็พัฒนาสินค้าบ้านใหม่ ๆ เพื่อทดแทนสินค้าที่กำลังจะหมดลง สำหรับรองรับความต้องการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“จะเห็นได้ว่าเรามีการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในโซนนี้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ KUN สามารถครองใจผู้บริโภคในโซนนี้ได้ตลอดระยะเวลา15 ที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้ไปผู้บริโภคจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของสไตล์บ้านของ KUN ที่เปลี่ยนไป เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของเราเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งความหลากหลายของอายุ ไลฟ์สไตล์ ทำเล และความชอบ โดยภายในปีนี้ KUN จะทำรีแบรนดิ้ง เพื่อสร้างแบรนด์คาแรคเตอร์ให้ชัดเจน เพื่อตอบทุกโจทย์ที่อยู่อาศัยในทุกกลุ่มเป้าหมาย” นางประวีรัตน์ กล่าว

ส่วนในไตรมาส 2/2565 บริษัทจะมีการเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการ คือ โครงการ “คุณาลัย เดซี่”  พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 3.49-4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท และเป็นโครงการที่พัฒนาเพื่อทดแทนโครงการเดิมที่บริษัทขายใกล้หมดแล้ว

และในไตรมาส 4/2565 จะเปิดโครงการ “คุณาลัย นาวาร่า” บริเวณย่านบางขุนเทียน บนพื้นที่ 150 ไร่ ราคาขาย 6-8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท

“กลยุทธ์หลักของ KUN คือการพัฒนาตัวสินค้าให้ขายตัวเองได้ด้วยความ “คุ้มค่า น่าซื้อ” ซึ่งเป็นจุดแข็งของสินค้าเรา และการตลาดที่มีความเฉพาะสำหรับกลุ่มฐานลูกค้าที่เก่า ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการแนะนำ บอกต่อ หรือชักชวนกันมาอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ หากนับรวมโครงการที่ผ่านฝีมือการบริหารของครอบครัวมามากกว่า 40 ปี เรามั่นใจว่าเป็น 1 ใน 5 ของปริมาณลูกค้า (มากกว่า 25,000 ครัวเรือน จากหลากหลายแบรนด์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน) ดังนั้นจากศักยภาพของทุกโครงการที่ KUN มุ่งพัฒนา ประกอบกับฐานชื่อเสียงด้านความรับผิดชอบ จึงเป็นข้อตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีให้กับ KUN อย่างต่อเนื่อง” นางประวีรัตน์ กล่าว

ปัจจุบัน KUN มีโครงการอยู่ในระหว่างการขายและพัฒนาในโซนบางบัวทอง ทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,600 ล้านบาท ซึ่งมีโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วบางส่วน และยังคงมีสินค้าเหลือขายพร้อมรับรู้รายได้อีก จำนวน 615 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,220 ล้านบาท นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีที่ดินดิบในโซนดังกล่าวคงเหลืออีกประมาณ 60 ไร่ ซึ่งหากนำมาพัฒนาโครงการ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 1,800 ล้านบาท รองรับการเติบโตในอนาคตได้อีกประมาณ 5-7 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะมองหาที่ดินในจังหวัดนนทบุรีโซนอื่นเพิ่ม เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันได้มุ่งหาที่ดินบริเวณอำเภอบางใหญ่ เนื่องมองว่าดีมานด์ที่อยู่อาศัยในโซนดังกล่าวยังมีแนวโน้มการเติบโตได้ต่อเนื่อง

นางประวีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากโซนบางบัวทองที่ KUN  เป็นเจ้าตลาดแล้ว บริษัทฯ ยังมีBusiness model และ vision ในการขยายธุรกิจ 2 ทิศหลักๆ ประกอบด้วย ทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ (ฉะเชิงเทรา) และทิศใต้ของกรุงเทพฯ (บางขุนเทียน) ซึ่งทั้ง 2 ทิศดังกล่าว มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นแหล่งงานจากการพัฒนาของเมือง และการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจต่างๆ อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวก ขณะเดียวกันในปีนี้ KUN ยังมองหาโอกาสในการขยายการพัฒนาโครงการเพื่อต่อยอดไปยังทิศที่ 4 คือทิศเหนือของกรุงเทพฯ อาทิ ปทุมธานี และรังสิต เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งหากแผนกลยุทธ์ดังกล่าวสำเร็จ จะส่งผลให้ KUN มีโครงการบ้านภายใต้ “ วิลล่า คุณาลัย” ครบทั้ง 4 ทิศตามแผนที่วางไว้

สำหรับการรับชำระด้วยสกุลเงินดิจิทัลบริษัทฯมีการเปิดกว้างในการรับทำระ และมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องระบบการรับชำระไว้เช่นกัน แต่ด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆที่ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้บริษัทยังคอชะลอออกไปก่อน และหากมีความชัดเจนในเรื่องกฎเกณฑ์ออกมาแล้วบริษัทมีก็ความพร้อมในการเปิดรับชำระด้วยสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน

อย่างไรก็ตามบริษัทฯมั่นใจว่าแนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2565 จะสามารถทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 450 ล้านบาท หลังจากที่ปัจจุบันทำยอดขายไปได้แล้วกว่า 350 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมียอดขายตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,800 ล้านบาท เติบโตจากปี2564 ที่ 1,510 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำตัวเลข New High ต่อไป ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายรายได้อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15-20 % โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มี Backlog มูลค่า 430.79 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในปีนี้ทั้งหมด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*