สิวารมณ์ เรียลเอสเตทฯชี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เข้าสู่การฟื้นตัว รุกเปิดตัวโครงการ สิวารมณ์เนเจอร์ พลัส (อัสสัมชัญ – ศรีราชา) มูลค่า 450 ล้านบาท รับดีมานด์ที่ยังมีต่อเนื่อง ชูจุดเด่นเป็นโครงการบ้านใกล้เมือง ในแบบบ้านสไตล์วิคตอเรียน ชี้ระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.69 – 3.39 ล้านบาท เน้นฟังก์ชั่นการใช้สอยที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริง ประกาศเดินเกมรุกผ่านการขับเคลื่อน 4 “S” SMART Location – SMART Function – SMART Value – SMART Home เพื่อก้าวสู่การเป็นลริษัทชั้นนำของประเทศ
นายอรรถปวิทย์ มโนธรรมรักษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ SVR ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ภายใต้แนวคิด “Best Smart Living” โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์โครงการที่อยู่อาศัย เช่น ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูงเปิดเผยว่า บริษัทฯมองภาพรวมสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นโดยจะเห็นได้จากกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับเข้ามา หลังจากที่มีการชะลอตัวในช่วงก่อนหน้านี้ขณะที่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ยังจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ทั้งการปลดล็อกมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value : LTV)และอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่อยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้นจึงมองว่าผู้ประกอบการหลายรายเริ่มทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
และเพื่อเป็นการสอดรับกับดีมานด์ที่เริ่มกลับมา “สิวารมณ์ เรียลเอสเตท” จึงเปิดตัวโครงการใหม่ รองรับความต้องการที่ยังคงมีอยู่ ภายใต้แบรนด์“สิวารมณ์ เนเจอร์ พลัส” (อัสสัมชัญ – ศรีราชา) ตั้งอยู่บนซอยศรีราชา–หนองค้อ 17 ถ.อัสสัมชัญ – ศรีราชา ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชาจ.ชลบุรี บนพื้นที่ทั้งหมด 20 ไน่เศษ ซึ่งภายในโครงการประกอบด้วย ทาวน์โฮม 50 ยูนิต, บ้านแฝด 74 ยูนิต, บ้านเดี่ยว 10 ยูนิต รวม 134 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 125.95 – 158 ตารางเมตร(ตร.ม.) บนเนื้อที่ตั้งแต่ 19.30 – 63 ตารางวา (ตร.ว.)ราคาตั้งแต่ 1.69 – 3.39 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
ปัจจุบันได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้เข้าชมโครงการ (Walk in) อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2565 นี้
ทั้งนี้บริษัทฯ มีการกำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงสร้างอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แนวคิดบ้านที่ครบทุกความต้องการ ผ่านการขับเคลื่อน 4 ปัจจัยหลักที่สำคัญ
1.ทำเลที่ตั้งโครงการที่มีศักยภาพ (SMART Location) เนื่องจากมองว่า การเลือกทำเลที่ตั้งโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทฯ จะต้องดำเนินการก่อนการพัฒนาโครงการ เพราะทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อมหรือสภาพเศรษฐกิจบริเวณโดยรอบโครงการที่มีศักยภาพและเหมาะสม จะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการและได้รับการตอบรับที่ดี
2.การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย (SMART Function)บริษัทฯให้ความสำคัญกับออกแบบรูปแบบบ้าน เพื่อสอดรับกับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงอายุ ทุกเพศ ทุกวัย ตอบสนองต่อรูปแบบการใช้ชีวิตสมัยใหม่ ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการจัดวางพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3.ความคุ้มค่าในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย (SMART Value) บริษัทฯเน้นศึกษารูปแบบโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการและก่อสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยวัสดุที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ มีการใช้พื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอบสนองความต้องการใช้งานได้จริง เพื่อสร้างความคุ้มค่าและความประทับใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อโครงการบ้าน
4.ความทันสมัยและความสะดวกสบาย (SMART Home) บริษัทฯ เล็งเห็นถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนไป นวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทในชีวิต และเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น เพื่อทำให้ผู้คนในปัจจุบันมีความสะดวกสบายและปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน จึงมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้าร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน มีระบบการสั่งการได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือคอมพิวเตอร์ (Smart Network) มายังกล่องควบคุมหลักให้ส่งข้อมูลไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ทำงานตามต้องการ และมีการทำงานแบบอัตโนมัติ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย ภายใต้สโลแกน “ควบคุมง่ายๆ อยู่ที่ไหนก็สั่งได้”
“ซึ่ง Key Business ดังกล่าว เป็นการสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ และ พันธกิจ ของบริษัทฯในการมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม สินค้าและบริการ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิต โดยส่งมอบสังคมคุณภาพพร้อมความสุข อย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนาคุณภาพสินค้าบริการ และองค์กร ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการใส่ใจความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา และทุก Generation เพื่อสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับ ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และ พนักงาน สู่การเป็นบริษัทฯพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ“นายอรรถปวิทย์ กล่าวในที่สุด