รมต.คมนาคม ติดตามความคืบหน้างานก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง-ชมพู หลังจากที่งานก่อสร้างโดยรวมคืบหน้ากว่า 80% โดยมีแผนเปิดให้บริการบางส่วนของสายสีเหลืองช่วงเดือนมกราคม และสายสีชมพูช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ก่อนจะเปิดให้บริการเต็มระบบในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พร้อมสั่งการให้คณะอนุกรรมการด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสารพิจารณาการลดค่าแรกเข้าการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าที่ซ้ำซ้อน

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพู ช่วงแคราน-มีนบุรี ครั้งที่ 1/2565 เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ

สืบเนื่องจากปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้าทั้งสองสายมีการก่อสร้างความคืบหน้าตามลำดับ โดยสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว – สำโรง) มีความคืบหน้าการก่อสร้าง  92.93% มีแผนเปิดให้บริการบางส่วนของเส้นทางในเดือนมกราคม 2566 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายน 2566

ส่วนสายสีชมพู (ช่วงแคราย – มีนบุรี) มีความคืบหน้า 88.51% มีแผนเปิดให้บริการบางส่วนของเส้นทางในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2566

เนื่องจากต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการ ทั้งในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานี การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถไฟฟ้ากับรถไฟฟ้า และการเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้ากับระบบคมนาคมขนส่งรอง เช่น รถโดยสารประจำทางและเรือโดยสาร ตลอดจนการพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม

โดยกระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดให้บริการ ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรก (Kick-off Meeting) เพื่อมอบหมายนโยบายให้คณะอนุกรรมการด้านต่างๆ ดำเนินการเตรียมความพร้อมต่อไป  โดยได้มีข้อสั่งการให้คณะอนุกรรมการด้านการเดินรถ การเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง และการประเมินคุณภาพ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ และทดสอบเดินรถจนเห็นว่ามีความปลอดภัยแล้ว เห็นควรให้มีการทดลองเปิดให้บริการเดินรถเสมือนจริง โดยไม่เก็บค่าบริการ เพื่อให้ทราบอุปสรรคและปัญหาต่างๆ

รวมทั้งให้มีการจัดทำแผนการเดินรถให้มีความชัดเจน และเร่งรัดการเปิดให้บริการตามแผนที่วางไว้พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนการจัดการขนส่งสาธารณะระบบรอง เช่น รถโดยสาร ให้สอดคล้องกับการเปิดให้บริการ พร้อมทั้งเตรียมการลดผลกระทบของประชาชนด้านต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสาร และผู้อยู่อาศัยตามแนวเส้นทาง เช่น ข้อร้องเรียนเรื่องเสียงและฝุ่นละออง และการคืนพื้นที่ผิวจราจรจากการก่อสร้าง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร นำเทคโนโลยีบัตรโดยสารในรูปแบบ EMV (Europay Mastercard Visa) มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน อีกทั้งยังเป็นผลดีช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายบัตร  รวมทั้งให้พิจารณาการลดค่าแรกเข้าการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าที่ซ้ำซ้อน โดยให้พิจารณาบนพื้นฐานตามเงื่อนไขของสัญญาและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*