ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯรายงานภาพรวมตลาดอสังหาฯไตรมาสแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีสินค้าเปิดตัวใหม่ 29,594ยูนิต เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วง6เดือนหลังของปี2564 สินค้าคอนโดฯกลับมาเปิดตัวใหม่แซงหน้าบ้านแนวราบ โดยเฉพาะคอนโดฯราคาไม่เกิน 1.5ล้านบาทเปิดตัวเพิ่มสูง ขณะที่สินค้าขายได้ใหม่พุ่ง 3หมื่นยูนิต มูลค่ากว่า 1.3 แสนล้าน

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขายอยู่ในตลาดช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีจำนวน 200,278 ยูนิต มูลค่า 947,604 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 3,189 ยูนิต แต่มูลค่าลดลง 4,725 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังปี 2564  ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการบ้านจัดสรร 116,941 ยูนิต มูลค่ารวม 603,539 ล้านบาท อาคารชุดจำนวน 83,337 ยูนิต มูลค่ารวม 344,065 ล้านบาท

ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขายลดลง เป็นผลจากการที่หน่วยสินค้าเสนอขายใหม่ซึ่งมีจำนวน 29,500 ยูนิตมีราคาต่ำลง โดยเฉพาะอาคารชุด BOI ที่ได้รับใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ เริ่มมีการเปิดขายโครงการมากขึ้น

สำหรับพื้นที่ที่มีสินค้าเสนอขายสูงสุด คือ  โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ มีจำนวน 13,505 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 30,509 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าเปิดตัวใหม่ 6,780 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าประเภทอาคารชุดราคาไม่เกิน1.5ล้านบาท ที่มีสัดส่วนมากถึง 74%

รองลงมาเป็นโซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดงมีจำนวน 13,202 ยูนิต มูลค่า 58,300 ล้านบาท และโซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด  7,198 ยูนิต มูลค่า 26,001 ล้านบาท

ขณะที่โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด  มีจำนวน 6,175 ยูนิต มูลค่า 16,682 ล้านบาท และโซนสุขุมวิท  5,471 ยูนิต มีมูลค่าโครงการสูงถึง 58,477 ล้านบาท เพราะสินค้าหลักเป็นคอนโดมิเนียม

สำหรับโครงการบ้านจัดสรรที่มีหน่วยเสนอขายสูงสุด คือ โซนลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ โดยมีหน่วยเสนอขาย 21,224 ยูนิต มูลค่ารวม 77,996 ล้านบาท รองลงมาเป็นโซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธงจำนวน 15,991 ย นิต มูลค่า 75,073 ล้านบาท โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อยจำนวน 15,512 ยูนิต มูลค่า 72,003 ล้านบาท

โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก 10,066 ยูนิต มูลค่า 37,979 ล้านบาท และโซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์จำนวน 9,679 ยูนิต มูลค่า 37,920 ล้านบาท

ทั้งนี้จากจำนวนสินค้าที่เปิดขายในตลาดจำนวน 200,278ยูนิต เป็นโครงการเปิดขายใหม่ 29,594 ยูนิต มูลค่า 106,987 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2564  ที่มีจำนวนแค่ 32,818 ยูนิต มูลค่า 132,530 ล้านบาท

เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเข้ามาเพิ่มมากขึ้นในตลาด โดยมีการเปิดขายคอนโดฯใหม่ 18,844 ยูนิต มูลค่า 47,099 ล้านบาท โดยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯมากถึง 15,000 ยูนิต ส่วนโครงการบ้านจัดสรร  มีจำนวน 10,750 ยูนิต มูลค่า 59,888 ล้านบาท จะอยู่ในพื้นที่จจังหวัดปทุมธานีและสมุทรปราการมากที่สุด

สำหรับทำเลของโครงการคอนโดฯที่เปิดขายใหม่มากที่สุดจะอยู่ใน โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ มีจำนวน 6,562 ยูนิต มูลค่า 9,666 ล้านบาท

โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดงมีจำนวน  3,003 ยูนิต มูลค่า 12,961 ล้านบาท  โซนบางซื่อ – ดุสิต 1,857 ยูนิต มูลค่า 4,808 ล้านบาท โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 1,429 ยูนิต มูลค่า 5,018 ล้านบาท และโซนย่านหลักสี่-ดอนเมือง-สายไหม-บางเขน จำนวน 1,277 ยูนิต มูลค่า 2,492 ล้านบาท

ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรจมีสินค้าเปิดขายใหม่สูงสุด คือ โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 2,760 ยูนิต มูลค่า 15,750 ล้านบาท โซนลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ 1,949 ยูนิต มูลค่า 7,628 ล้านบาท และโซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคกจำนวน 1,276 ยูนิต มูลค่า 4,784 ล้านบาท โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อยมีจำนวน แค่1,071 ยูนิตเท่านั้น มูลค่า 5,272 ล้านบาท

ยอดขายใหม่ 3 เดือนแรกปี’65 โตเท่ากับ 6 เดือนหลังของปี’64
จากผลการสำรวจยอดขายได้ใหม่ ในช่วง 3 เดือนแรกของ ปี 2565 พบว่ามีจำนวน 30,098 ยูนิต มูลค่า 135,939 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนและมูลค่าที่ขายได้ใหม่สูงกว่าครึ่งปีหลังของปี 2564 ที่มีจำนวนหน่วยขายใหม่ได้ 32,138 ยูนิต มูลค่า 153,729 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากยอดขายใหม่ของโครงการคอนโดฯในกลุ่มราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท

โดยพบว่ามีคอนโดฯขายได้ใหม่ 19,055 ยูนิต มูลค่า 66,179  ล้านบาท และบ้านจัดสรร  11,043 ยูนิต มูลค่า 69,760 ล้านบาท  ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ต่อเนื่อง

สต็อกเหลือขายคงค้างกว่า 1.7 แสนยูนิต มูลค่า 8.1 แสนล้านบาท
ดร.วิชัยกล่าวเสริมว่า ผลจากการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในบางทำเลที่มีหน่วยเหลือขายคงค้างทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งยังมีหน่วยเหลือขายจำนวน 170,180 ยูนิต มูลค่า 811,665 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าคอนโดฯ 64,282 ยูนิต มูลค่า 277,885 ล้านบาท และบ้านจัดสรร จำนวน 105,898 ยูนิต  มูลค่า 533,779 ล้านบาท

โดยทำเลที่มีคอนโดฯเหลือขายมากที่สุดจะอยู่ใรโซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดงจำนวน 9,751 ยูนอต โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ มีหน่วยเหลือขาย 7,669  ยูนิต และโซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด มีจำนวน 5,677 ยูนิต

ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลฯประเมินว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีโอกาสฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงจุดมาช่วยเพิ่มความสามารถในการซื้อ ปลุกความเชื่อมั่นผู้บริโภค  โดยคาดการณ์ว่าในปี 2565 อุปทานการเปิดขายโครงการใหม่จะมีจำนวน 83,608 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 62.2% จากจำนสวน 51,531 ยูนิต มูลค่า 386,757 ล้านบาท  และคาดว่าจะมีหน่วยเหลือขายรวม 160,473 ยูนิต ลดลงจากปี 2564 ที่มีจำนวน164,951 ยูนิต มูลค่า 762,810 ล้านบาท ด้านอุปสงค์คาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมีหน่วยขายได้ใหม่ประมาณ 77,223 ยูนิตเพิ่มจาก 61,914 ยูนิตในปี 2564

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*