ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯชี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯเมืองชลบุรีส่งสัญญาณบวก ไตรมาสแรกมีสินค้าเปิดตัวใหม่กว่า 2 พันยูนิต มูลค่ารวมกว่า 8.5 พันล้านบาทใกล้เคียงกับช่วง 6 เดือนหลังของปี 2564 ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 พันกว่ายูนิต แต่มูลค่าโครงการวมอยู่ที่ 8.9 พันล้านบาท ขณะที่สินค้าขายได้ใหม่ขยับเพิ่มขึ้น ขายได้ 4,477 ยูนิต มูลค่า 14,359 ล้านบาท เทียบกับครึ่งหลังปี 2564 มียอดขายรวม 6,531 ยูนิต มูลค่า 21,410 ล้านบาท

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออกช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาว่า จากผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในจังหวัดชลบุรีมีจำนวน 2,229 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 8,584 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 3,271 ยูนิต มูลค่า 8,970 ล้านบาท โดยสินค้าหลักที่การเปิดขายใหม่ยังคงเป็นบ้านแนวราบจำนวน 1,984 ยูนิต ระดับราคาที่มีการเปิดขายมากที่สุดจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปถึง 5 ล้านบาทมีจำนวน 1,570 ยูนิต  ส่วนอาคารชุดมีจำนวนแค่ 281 ยูนิตเท่านั้น ราคาขายตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปถึง 3 ล้านบาทมีจำนวน 177 ยูนิต

สำหรับทำเลของบ้านจัดสรรที่เสนอขายมากที่สุด คือ  พื้นที่ย่านศรีราชา-อัสสัมชัญมีจำนวน 602 ยูนิต รองลงมาเป็นทำเลรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร-มาบตาพุดจำนวน 524 ยูนิต และห้วยใหญ่จำนวน 402 ยูนิต ขณะที่ทำเลของคอนโดมิเนียมทั้ง 281 ยูนิตตั้งในพื้นที่ย่านบางแสน-หนองมน-บางพระ

Total Supplyไตรมาสแรกเฉียด 4 หมื่นยูนิต มูลค่ากว่า 1.4 แสนล้าน
จากจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการขาย ทำให้มีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายอยู่ในจังหวัดชลบุรีเป็นจำนวนมากถึง 39,655 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 149,712 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 20,645 ยูนิต มูลค่า 63,349 ล้านบาท และคอนโดฯ 19,010 ยูนิต มูลค่า 86,363 ล้านบาท

โดยสินค้าคอนโดฯที่เปิดขายส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ใน 2 พื้นที่หลัก คือ หาดจอมเทียนจำนวน 7,969 ยูนิต และพัทยา-เขาพระตำหนัก 5,782 ยูนิต ระดับราคาสินค้าที่เปิดขายมากที่สุดจะอยู่ในช่วงราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปถึง 5 ล้านบาทมีจำนวน 8,235 ยูนิต และราคามากกว่า 2-3 ล้านบาทจำนวน 4,419 ยูนิต

ส่วนกลุ่มสินค้าบ้านแนวราบจะอยู่ในพื้นที่รอบนิคมอุตสาหกรรม อาทิ นิคมฯพานทอง-พนัสนิคมมีจำนวน 3,459 ยูนิต,นิคมฯอมตะนคร-บายพาสจำนวน 2,834 ยูนิต  และนิคมฯบ่อวิน จำนวน 2,199 ยูนิต

ขณะที่ยอดขายใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 มีจำนวน 4,477 ยูนิต มูลค่า 14,359 ล้านบาท ใกล้เคียงกันเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังปี 2564 มียอดขายรวม 6,531 ยูนิต มูลค่า 21,410 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายบ้านแนวราบ 3,195 ยูนิต มูลค่า 9,707 ล้านบาท และคอนโดฯ 1,282 ยูนิต มูลค่า 4,652 ล้านบาท

ทำให้มีสินค้าเหลือขายอยู่ในตลาดประมาณ 35,178 ยูนิต  แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 17,450 ยูนิต มูลค่า 53,642 ยูนิต คอนโดฯ 17,728 ยูนิต มูลค่า 81,712 ล้านบาท

สำหรับทำเลของคอนโดฯที่ยังมีสินค้าเหลือขายในตลาดมากที่สุด จะอยู่ในย่านหาดจอมเทียน มีจำนวน 7,654 ยูนิต และย่านพัทยา-เขาพระตำหนักจำนวน 5,495  ยูนิต ราคาขายสินค้าจะอยู่ในระดับตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปถึง 5 ล้านบาท

ขณะที่บ้านจัดสรรที่ยังมีสินค้าเหลือขายมากที่สุดจะอยู่ใน 3 ทำเลหลัก คือ นิคมฯบ้านฉาง-พนัสนิคมจำนวน 3,089 ยูนิต นิคมฯอมตะนคร-บายพาส 2,381 ยูนิต และนิคมฯบ่อวิน  1,855 ยูนิต ระดับราคาสินค้าที่เหลือขายมากที่สุดจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไปถึง 5 ล้านบาทมีจำนวนรวมกันประมาณ 14,907 ยูนิต

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*