กระทรวงมหาดไทยเตรียมชงครม.ออกฎกระทรวงให้ต่างชาติที่มีความมั่นคงทางการายได้และนำเงินมาลงทุนในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาทในช่วงระยะเวลา 3 ปีขึ้นไป มีสิทธิซื้อบ้าน-ที่ดินขนาดไม่เกิน 1 ไร่ได้  คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯในกทม-ปริมณฑล และหัวเมืองท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวได้ พร้อมเตรียมขยายเพดานค่าธรรมเนียมการโอนบ้านเหลือ 0.01% ให้กลุ่มคนซื้อบ้านราคาเกิน 3 ล้านบาทด้วย

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงนโยบายรัฐกับกการกระตุ้นอสังหาฯ ในงานสัมมนา Property Inside 2022 จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงให้เข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้นานขึ้น (Long-Term Resident Visa :LTR Visa) โดยโฟกัสเป้าหมายกลุ่มประชาคมโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง  กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงานในประเทศไทย และกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญ พร้อมเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเหล่านี้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองไทยได้

ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยกำลังจะออกประกาศกฎกระทรวงเพื่อกำหนดเงื่อนไขให้ชาวต่างชาติที่มีความมั่งคั่งสูงและมีการลงทุนในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาทภายในระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี สามารถซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้บนเนื้อที่ไม่เกิน 1ไร่ คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจอสังหาฯฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ เป็นต้น

นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยกำลังศึกษาข้อมูลว่าอาจจะขยายเพดานวงเงินกู้ซื้อบ้านราคาเกิน 3 ล้านบาทให้ได้การลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเหลือ 0.01% ด้วย  จากเดิมที่กำหนดเฉพาะที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเท่านั้น เช่น ขยายฐานหรือเพดานราคาบ้านว่าตั้งแต่ราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปถึงเท่าไหร่ที่สามารถได้รับสิทธิการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนได้ หรือใช้ฐานราคาเฉพาะ 3 ล้านบาทแรกเท่านั้นที่จะได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน คาดว่าเร็วๆนี้จะนำประเด็นดังกล่าวมาหารือร่วมกัน เพื่อลดภาระของผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะอสังหาฯเป็นหนึ่งในฟันเฟืองในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว

ส่วนแนวคิดในการขยายโควต้าการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติจาก 49% เป็น 75% ยังไม่มีข้อสรุปในช่วงนี้ โดยกรมที่ดินได้นำข้อมูลและตัวเลขต่างๆมาศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาแนวทางออกร่วมกัน เพราะจากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของกรมที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดประมาณ 10 จังหวัดที่มีชาวต่างชาตินิยมซื้อห้องชุด พบว่า สัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติโดยเฉลี่ยมีประมาณ 90,000 ยูนิตจากจำนวนห้องชุดทั้งหมด 1,500,000 ยูนิต หรือประมาณ 7%เท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับโควต้า 49% ถือว่าชาวต่างชาติยังมีโอกาสที่จะหาซื้อห้องชุดได้อีกเยอะ ยกเว้นในบางพื้นที่ที่อยู่ในย่านซีบีดี หรือในเมืองท่องเที่ยว เช่น จังหวัดชลบุรี ในบางพื้นที่มีลูกค้าต่างชาติถือครองสิทธิ์ห้องชุดเต็มโควตา 49%

ขณะเดียวกันในจำนวนห้องชุดทั้งหมด 1,500,000 ยูนิต ยังมีห้องชุดเหลือขายอยู่ในตลาดกว่า 90,000 ยูนิต มูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาท

“การออกประกาศต่างๆของกระทรวงมหาดไทยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจจะส่งผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้ของบอองค์กรปกครองท้องถิ่น โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่เกิดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาคเอกชนได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทำให้กระทรวงมหาดไทยได้เลื่อนการประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไป ส่งผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองท้องถิ่นค่อนข้างมาก ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาท้องถิ่นขาดรายได้ไปมากถึง 60,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขยายฐานภาษีหรือการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ต่างๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับท้องถิ่นและต้องหาทางออกเพื่อสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นด้วย”

นอกจากกระทรวงมหาดไทยยังได้เร่งรัดให้กรมที่ดินออกเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศผ่านโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน เพื่อให้ประชาชนสามารถแปลงที่ดินของตัวเองเป็นทุนเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจของตัวเองมากขึ้น เพราะปัจจุบันยังมีคนไทยจำนวนมากที่ครอบครองที่ดินอยู่แต่ไม่มีโฉนดที่ดินเป็นของตัวเอง เนื่องจากเป็นการครอบครองที่ดินแบบ นส.3 หรือ นส.3 ก ซึ่งมีสถาบันการเงินบางแห่งไม่รับ นส.3 หรือ นส.3ก เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการยื่นขอกู้เงินเพื่อนำมาลงทุน

ทั้งนี้กรมที่ดินได้นำแอปพลิเคชัน”บอกดิน”มาใช้เพื่อให้ประชาชนแจ้งข้อมูลและตำแหน่งที่ตั้งที่ดินของตนเองได้ง่าย ๆ ผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งมีประชาชนแจ้งข้อมูลมาถึง 5 แสนรายที่ครอบครองที่ดินอยู่แต่ยังไม่มีโฉนดที่ดิน ทั้งนี้นับจากปี 2562 จนถึงปัจจุบันได้มีการออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชนไปแล้ว 2 แสนราย คิดเป็นที่ดินประมาณ 7 แสนไร่

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*