ศุภาลัยฯเผยปรับดอกเบี้ยนโยบายไม่ค่อยกระทบผู้ประกอบการ-ผู้บริโภค หวั่นปัญหาเงินเฟ้า-ขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง เตรียมแผนเจรจาผู้รับเหมาวางแผนป้องกันระยะยาว เดินหน้าผุด 21 โครงการใหม่ มูลค่า 19,200 ล้านบาทตามแผน พร้อมเดินหน้าบ้านประหยัดพลังงาน ตั้งเป้าหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 25% ภายใน 3 ปี ล่าสุดได้จับมือ 4 พันธมิตร เปิดตัวโครงการ SolarPlus ติดตั้งโซลาร์รูฟ นำร่อง “ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2” ปี 66 เตรียมขยายผลโครงการใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจยอดขาย-ยอดโอนปีนี้ทะลุเป้า
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับกลางและตลาดบนที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ยังมีความต้องการอยู่ต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นมาก็ตาม แต่ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ ทำให้ในส่วนของการกู้ไม่ได้รับผลกระทบ หรือแม้หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระยะต่อไปคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะเพิ่มขึ้นไม่มาก และลูกค้ายังคงรับภาระดอกเบี้ยได้

ด้านกำลังซื้อยังมองว่าเห็นการฟื้นตัวมาต่อเนื่อง หลังจากเริ่มมีการเปิดเมืองและเปิดประเทศ ทำให้ผู้บริโภคมีรายได้เข้ามา แม้ว่าจะมีปัญหารการเร่งตัวของเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่คาดว่าจะกระทบเพียงในระยะสั้น เพราะปัจจุบันเริ่มเห็นราคาพลังงานและราคาสินค้าบางรายการปรับตัวลงไปบ้างแล้ว ทำให้ไม่กระทบต่อกำลังซื้อมากนัก ในส่วนของราคาบ้านของศุภาลัยฯนั้นยังคงราคาไว้เท่าเดิม แต่อาจจะมีการปรับขึ้นตามต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นในปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งมองว่าสำหรับลูกค้าที่มีความพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัยปีนี้ยังเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีความกังวลในเรื่องของปัญหาเงินเฟ้อและขาดแคลนแรงงานที่อาจจะมีผลกระทบต่อการก่อสร้างและโอนโครงการอยู่บ้าง เนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงที่เริ่มกลับมาเปิดเมืองและเปิดประเทศ ทำให้การจัดการคนในภาคการก่อสร้างยังอยู่ระหว่างการปรับตัวในการหาแรงงานมาเพื่อความพร้อม อีกทั้งแรงงานบางส่วนได้มีการเปลี่ยนงานไปในธุรกิจบริการเกี่ยวกับท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวมีการดึงแรงงานบางส่วนไป ซึ่งปัจจัยด้านแรงงานบริษัทยังคงมีการปรับตัวและเจรจากับผู้รับเหมาก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนงานที่บริษัทวางไว้ และสามารถโอนให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด

ขณะเดียวกันบริษัทยังวางแผนการเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 21 โครงการ มูลค่า 19,200 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ ซึ่งแนวโน้มของความต้องการซื้อแนวราบยังมีอยู่มาก และยังได้รับความนิยมจากผู้ซื้ออยู่มาก

นายไตรเตชะ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังให้ความสำคัญต่อการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด Green Design โดยเน้นออกแบบเป็นบ้านประหยัดพลังงานมาอย่างยาวนาน และในปีนี้บริษัทฯมีการตั้งเป้าหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 25% ภายใน 3 ปี ล่าสุดได้จับมือกับ 4 พันธมิตร คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เดินหน้า GO GREEN Together สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดของประชาชน เปิดตัวโครงการ SolarPlus ติดตั้งโซลาร์รูฟให้แก่ประชาชนฟรี เพื่อผลิตและขายไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในไทย โดยนำร่องที่โครงการ “ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2” เป็นโครงการแรก  จากที่ทางพันธมิตรตั้งเป้าติดตั้ง 500,000 หลังทั่วประเทศ ภายใน 5 ปี โดยธนาคารกสิกรไทย เตรียมวงเงินสินเชื่อให้แก่ผู้ลงทุน 50,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 2.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดสู่การเป็น Net Zero ตามเป้าหมายของประเทศ

“สาเหตุที่เลือก  ศุภาลัย ลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2 เป็นโครงการนำร่อง เนื่องจากเป็นโครงการที่ตรงกับคุณสมบัติทุกประการ โดยเป็นโครงการที่เปิดตัวมาแล้ว 4-5 ปี มีทั้งบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด รวมจำนวน 456 ยูนิต ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยเกือบเต็มทั้งโครงการ ปัจจุบันเหลือขายอยู่อีกเพียงประมาณ 30 ยูนิตเท่านั้น โดยจะเลือกลูกค้าแต่ละหลังมานำร่องก่อน โดยดูจากความสมัครใจของลูกค้าและปริมาณการใช้ไฟฟ้าด้วย โดยหากจะให้คุ้มค่าต่อการติดตั้งโซลาร์รูฟ ควรมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าประมาณ 4,000 บาท/เดือน ซึ่งแต่ละหลังจะใช้งบประมาณในการติดตั้งโซลาร์รูฟเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท โดยเชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความเร็จอย่างแน่นอน และหากผู้ประกอบการหลายโครงการดำเนินการในรูปแบบนี้ร่วมกับทุกภาคส่วน ก็จะสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ไปด้วย” นายไตรเตชะ กล่าว

นายไตรเตชะ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังมีแผนที่จะติดตั้งโซลาร์รูฟ ในโครงการที่จะเปิดตัวใหม่ในปี 2566 ด้วย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการติดตั้งในโครงการเซกเมนต์ระดับราคาไหน โดยจะมี 2 แนวทางคือ ติดตั้งให้ลูกค้าทั้งโครงการ และ ติดตั้งตามความสมัครใจของลูกค้า ขณะนี้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นอกจากนี้ยังเดินหน้าติดตั้งโซลาร์รูฟที่อาคาร “ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์” สำนักงานใหญ่ ซึ่งจะเป็นแผงโซลาร์รูฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนมีแผนการติดตั้ง EV Charger ที่โครงการทั่วประเทศ เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการลดก๊าซเรือนกระจก และเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก พร้อมจับมือร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่มีนโยบายใส่ใจรักษ์โลก ดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผนึกกำลังกับธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้  โดยประเดิมที่โครงการศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2  ซึ่งเป็นโครงการแนวราบที่มีลูกบ้านเข้าอยู่แล้วจำนวนมาก และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกบ้านเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยประหยัดไฟฟ้าให้กับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการดังกล่าว

ด้านยอดขายในปี 2565 คาดว่าจะทำได้ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้  28,000 ล้านบาท หลังจากในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 18,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 65% ของเป้าหมายทั้งปีที่บริษัทตั้งไว้ โดยที่แนวโน้มการขายยังเห็นทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนที่ยังสามารถสร้างยอดขายเข้ามามาก เนื่องจากความต้องการของลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยและเข้าอยู่ได้ทันทียังมีมากอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากยอดการเยี่ยมชมโครงการที่พร้อมอยู่ยังอยู่ในระดับสูงมาต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายยังเห็นการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยที่คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้จะสามารถทำยอดขายได้มากกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน

สำหรับยอดโอนในปีนี้ คาดว่าจะทำได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 29,000 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำยอดโอนไปได้แล้ว 18,000 ล้านบาท โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีโครงการใหม่เตรียมโอนในไตรมาส 3/2565 จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ Supalai City Resort Charan 91 มูลค่า 2,100 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50% อีกทั้งยังคงมีการโอนโครงการที่พร้อมอยู่และโครงการแนวราบใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยที่มีโครงการพร้อมอยู่เหลือขายมูลค่ารวมราว 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 15,000 ล้านบาท และแนวราบ 5,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีการทยอยขายเพื่อสร้างรายได้เข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่  27,900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลังกว่า 13,000 ล้านบาท เข้ามาหนุนรายได้

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*