กานดา พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมมูลค่ารวม 2,200 ล้านบาทไตรมาส 4 เพิ่มอีก 3 โครงการ รองรับกำลังซื้อที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ประเดิมแบบบ้านซีรี่ส์ใหม่ ไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 ขนาดพื้นที่ใช้สอยเทียบเท่าบ้านเดี่ยว พร้อมสวนส่วนตัวหลังบ้าน ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท มั่นใจยอดขายทั้งปีได้ตามเป้า 3,300 ล้านบาท

นายหัสกร บุญยัง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 มีการแข่งขันสูง แต่ละบริษัทยังคงจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย เพื่อระบายสต็อกสินค้าในมือของแต่ละบริษัทให้ได้มากที่สุด เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเรื่องของเศรษฐกิจในปี 2566 โดยเฉพาะเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นช่วงขาขึ้น จะส่งผลกระทบต่อทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคและต้นทุนของผู้ประกอบการ รวมถึงเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ความไม่แน่นอนของการเมืองไทย และความขัดแย้งในต่างประเทศ

ดังนั้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ เป็นโครงการทาวน์โฮมทั้งหมด มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 จำนวน 157 ยูนิต มูลค่า 500 ล้านบาท โครงการไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90 จำนวน 255 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท และไอลีฟ พราวด์ พระราม 2 กม. 14 จำนวน 449 ยูนิต มูลค่า 1,100 ล้านบาท

โดยโครงการที่เปิดตัวล่าสุด คือ ไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 เป็นทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่ด้วยแบบบ้านสไตล์ English Garden ขนาดที่ดิน 25 ตารางวา แต่มีพื้นที่ใช้สอย 165 ตารางเมตรเทียบเท่ากับบ้านเดี่ยว  มี 4 ห้องนอน และมีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง พร้อมออกแบบให้มีห้องนอนชั้นล่างรองรับผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีสวนหลังบ้านด้วย ภายในโครงการมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สนามสำหรับออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น ที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าคูคต ไม่เกิน 10 นาที ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่เปิดขายในอีกหลายทำเลทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ กว่า 10 โครงการ ได้แก่ โครงการไอลีฟ ไพร์ม พระราม2 กม.14, ไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม.14, ไอลีฟ ไพร์ม ประชาอุทิศ 90, ไอลีฟ พรีม่า เศรษฐกิจ-บางปลา, ไอลีฟ ทาวน์ ราชพฤกษ์-กาญจนาฯ, ไอลีฟ ไพร์ม วงแหวน-รังสิตคลอง 4, กานดา เพลส วงแหวน-ลำลูกกาคลอง 6, ไอลีฟ พรีม่า เทพารักษ์-บางบ่อ, ไอลีฟ ไพร์ม2 (ถลาง), ไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-จอมเทียน เป็นต้น

ส่วนผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนของปี 2565 มียอดขายจำนวน 2,200 ล้านบาท เกินกว่าเป้ายอดขาย 9 เดือนที่ตั้งไว้ 2,180 ล้านบาทเล็กน้อย ขณะที่เป้ายอดขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 3,300 ล้านบาท คาดว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ขณะที่รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้ประมาณ 1,350 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1,650 ล้านบาท ประมาณ 18% เนื่องจากงานก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผนงาน เพราะปัญหาฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ที่บริษัทเปิดขายโครงการใหม่ และการปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ไป 2 โครงการ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและฟังก์ชั่นของบ้านให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยคาดว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ปี 2565 ซึ่งตั้งเป้าไว้ประมาณ  2,500 ล้านบาท จะทำได้จริงประมาณ 2,000-2,100 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทยังเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อที่ชะลอการตัดสินใจตั้งแต่ช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19  เริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ทำให้คนทำงานในภาคบริการ โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ทยอยกลับมามีงานทำ และเริ่มมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย มาตรการของรัฐบาลที่ช่วยลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% และการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับผู้ซื้อที่ทำการโอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปี 2565 นี้ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งของธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่งที่ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จนถึงสิ้นปีนี้

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*