“ลุมพินี วิสดอม” ระบุผู้ประกอบการอสังหาฯ เร่งเปิดตัวโครงการโค้งสุดท้ายปีนี้ หวังกระตุ้นยอดขายไตรมา 4 ปี 2565 ช่วง 9 เดือนแรกมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจำนวน 286 โครงการ  76,220 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 324,801 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและมูลค่ามากกว่าเท่าตัว

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด ในเครือบริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ถึงแม้จะเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้นเกินกว่า 5% ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ผนวกกับที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง มีผลให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี ขณะที่ภาระหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงแตะ 90% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDPs)

ขณะที่ปี 2563-2564 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้มีการชะลอแผนการเปิดตัวโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของCOVID-19 ทำให้สินค้าคงเหลือมีจำนวนลดลง ผู้ประกอบการอสังหาฯจึงจำเป็นต้องเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อเพิ่มสินค้าและกระตุ้นกำลังซื้อในตลาด

โดยช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ผู้ประกอบการอสังหาฯมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจำนวนรวม 286 โครงการ คิดเป็นจำนวน 76,220 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 324,801 ล้านบาท หรือเติบโต 124% และ 87% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 72 โครงการ จำนวน 39,431 ยูนิต เพิ่มขึ้น 235% มูลค่ารวม 96,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% โดยมีอัตราขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการ 31%

ส่วนบ้านจัดสรรมีจำนวน 214 โครงการ จำนวน 36,789 ยูนิต เพิ่มขึ้น 65%  มูลค่าโครงการรวม 227,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% อัตราขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการ 14% โดยโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดตัวสูงสุดเป็นทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ยอดขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการ 10% ส่วนใหญ่จะเปิดตัวในทำเลรอบตัวเมืองกรุงเทพฯ ย่านรังสิต, บางบัวทอง และบางนา

รองลงมาเป็นบ้านแฝดระดับราคา 3-6 ล้านบาท ยอดขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการ 11% ตั้งอยู่ในทำเลย่านบางนา,บางพลี สมุทรปราการ, บางบัวทอง และนนทบุรี ส่วนบ้านเดี่ยว เปิดตัวสูงสุดในกลุ่มบ้านราคา 6-10 ล้านบาท ยอดขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการ 12% ในทำเลลำลูกกา, บางพลี สมุทรปราการ, บางบัวทอง และนนทบุรี

ขณะที่การโอนกรรมสิทธิที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 87,316 ยูนิต เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ 81,553 ยูนิต ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 297,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.12% เมื่อเทียบกับมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 293,845 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564

จากแนวโน้มดังกล่าว ลุมพินี วิสดอมเชื่อมั่นว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้เพื่อกระตุ้นและตุนยอดขายที่จะสร้างรายได้ต่อเนื่องในปี 2566-2567 โดยคาดว่าปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าการเปิดตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 ชณะที่ราคาที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 5-8% ในปี 2566 ตามภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นตามการประเมินราคาที่ดินใหม่ที่กรมธนารักษ์ประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม 2566 ประมาณ 5-8% เมื่อเทียบกับปี 2561 ผนวกกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวสูงขึ้น 5-8% (ขึ้นอยู่กับพื้นที่) รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากค่าพลังงานที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ซื้อที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการอยู่อาศัยควรตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในราคาเดิมในช่วงนี้

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*