ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ติดสปีด Origin Multiverse รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ รับเมกะเทรนด์โลก หวังดูแลลูกบ้านพนักงานกว่า 37,000 ครอบครัว ยกระดับสุขภาพคนทั่วไปผู้สูงอายุด้วยการเน้นบริการสุขภาพเชิงป้องกัน ตั้งผศ.นพ.ชวกิจ ภูมิบุญชู” นั่งแท่น CEO สร้างโอกาสเดินหน้าเติบโตด้วยตัวเอง ควบคู่การร่วมทุนพันธมิตร นำร่องทยอยเปิดตัวหลากธุรกิจ Healthcare อาทิโรงพยาบาลกายภาพ-Wellness Club- คลินิกทันตกรรมสัตว์เลี้ยง สาขาแรก ต้นปี 66 
นายพีระพงศ์ จรูญเอก
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI  เปิดเผยว่า หลังจากได้ประกาศแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาลหรือ “Origin Multiverse ขยายการเติบโตแบบคู่ขนานในจักรวาลธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุด บริษัทกำลังเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด เพื่อให้พร้อมรองรับเมกะเทรนด์โลกที่ผู้คนยุคใหม่ใส่ใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมถึงให้พร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) 
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งให้บริการด้านสุขภาพแก่ กลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

1.กลุ่มลูกบ้านและพนักงานออริจิ้น (Origin Family) นำบริการสุขภาพเข้าไปอยู่ภายในโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าในเครือออริจิ้น รองรับการดูแลสุขภาพลูกบ้านและพนักงานที่ปัจจุบันมีมากกว่า 37,000 ครอบครัว 

2.กลุ่มคนทั่วไปที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ นำศาสตร์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care Service) และบริการที่ตอบโจทย์การมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Wellness) เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค 

3.กลุ่มผู้สูงอายุ รองรับ Aging Society ด้วยหลากบริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชุมชนวัยเกษียณ (Retirement Community)

4.กลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแวดวงสุขภาพ เช่น การจัดจำหน่ายน้ำมัน CBDและผลิตภัณฑ์สุขภาพ  จำหน่ายแก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯได้แต่งตั้ง ผศ.นพ.ชวกิจภูมิบุญชู อดีตรองคณบดีฝ่ายศูนย์ความเป็นเลิศและศูนย์กลางบริการสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในแวดวงบริการสุขภาพทั้งด้านการบริหารและบริการสุขภาพ รวมกว่า 15 ปี มาดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด 

 

ด้าน ผศ.นพ.ชวกิจ ภูมิบุญชู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด กล่าวว่า ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จะขับเคลื่อนการเติบโตไปด้วย 3 แนวทาง ได้แก่ 1.การเติบโตด้วยตัวเอง 2.การจับมือกับพันธมิตรในลักษณะร่วมกันให้บริการ และ 3.การร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ โดยตรง เพื่อให้สามารถเติบโตไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการสุขภาพได้อย่างรอบทิศทางและมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ โครงสร้างธุรกิจของออริจิ้น เฮลท์แคร์ ประกอบไปด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มบริการด้านความงาม (Beauty & Smart) เช่น คลินิกด้าน Wellness เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) 2.กลุ่มศูนย์บริการสุขภาพเฉพาะทาง (Special Healthcare Center) โรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทาง เช่น ศูนย์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด Nursing Care สำหรับผู้สูงอายุ โรงพยาบาลและคลินิกสัตว์เลี้ยง คลินิกทันตกรรม 3.กลุ่มเวชภัณฑ์ (Medical Supply) เช่น ยา เวชสำอาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ และ 4.กลุ่มแพลตฟอร์มบริการสุขภาพ (Wellness Service Platform) เช่น เทคโนโลยีสุขภาพ (Health Tech) 

เบื้องต้น ในช่วงต้นปี 2566 จะเปิดตัวหลากหลายบริการสาขาแรกอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2566 เปิดตัว Health & Wellness Club สาขาแรกที่โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” (Park Origin Thonglor) ในเดือน เมษายน 2566 เปิดตัวคลินิกเฉพาะทางทันตกรรม และศูนย์ความงาม สาขาแรกที่โครงการวัน ออริจิ้น 24″ สุขุมวิท 24 และเปิด Grand Opening โครงการคิน ออริจิ้น เฮลท์แคร์ เซ็นเตอร์” (Kin Origin Healthcare Center) โรงพยาบาลกายภาพบำบัดและสหคลินิกเวชกรรม แห่งแรก ที่สุขุมวิท 107 (แบริ่ง)  

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลายประกอบด้วย 

1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 112 โครงการ ( สิ้นไตรมาส 3/2565) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 172,000ล้านบาท 

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ค้าปลีก 

3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขายเช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ 

4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวเช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*