กลุ่มซิตี้เรียลตี้ฯของตระกูลโสภณพนิช เชื่อครึ่งหลังปี 66 ตลาดท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว จีนพร้อมกลับมาแน่นอน เผยวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบอสังหาฯเพื่อขาย หันปรับแผนรุกธุรกิจสร้างรายได้ระยะยาว พร้อมขยายไลน์โรงแรมแบรนด์ “ชาเทรียม”ทั้งใน-ต่างประเทศ เต็มสูบ มั่นใจ 3-5 ปี ห้องพักเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากปัจจุบันกว่า 3,500 ห้อง ปีหน้าจ่อลงทุนเพิ่มอย่างน้อย 3 แห่ง ในภูเก็ต-สมุย ล่าสุดเปิดให้บริการ “ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ” มูลค่าลงทุน 5,500 ล้านบาท คาดปีหน้าอัตราการเข้าพักแตะที่ 75%
นางสาวิตรี รมยะรูป 
นางสาวิตรี รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ และเจ้าของโครงการ “ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ” ซึ่งดำเนินการภายใต้บริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด ของตระกูล “โสภณพนิช” เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยว่า  ในมุมของผู้ประกอบการนั้น ต้องการให้รัฐบาลช่วยส่งเสริมในเรื่องระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ ,เรื่องวีซ่า และเรื่องการเดินทางให้ดีมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมานโยบายโดยรวมของภาครัฐก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็ควรที่จะขยับให้ดีขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาประเทศไทยมากขึ้น และเชื่อว่าในครึ่งปีหลัง 2566 ตลาดจะกลับมาฟื้นตัว และนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาอย่างแน่นอน

ส่วนการที่พรรคการเมืองบางพรรคมีการหาเสียงว่าหากได้เป็นรัฐบาล ในปี 2570 จะเกิดการสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง ผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ หรือ จีดีพี จะเติบโต ร้อยละ 5 ต่อปี และประชาชนชาวไทย จะมีรายได้ขั้นต่ำวันละ 600 บาท ปริญญาตรีเงินเดือนๆละ 25,000 บาท นั้นมองว่าหากค่าใช้จ่ายต่างๆมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้ต่อหัวก็ต้องปรับขึ้นตามเช่นกัน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตาม Step อีกทั้งต้องจับตาดูว่าในปี 2570 จะมีปัจจัยไหนที่สร้างผลกระทบหรือไม่ อาทิ สภาวะเศรษฐกิจโลก แต่มองว่าประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯยังเป็นจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าทางการเงิน (Value for Money)ของนักท่องเที่ยวอีกด้วย

สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มซิตี้เรียลตี้ฯ ที่ผ่านมาจะมีทั้งธุรกิจอสังหาฯที่พัฒนาเพื่อการขาย และสร้างรายได้ระยะยาว แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อโครงการอสังหาฯที่พัฒนาเพื่อการขายที่ปิดการขายได้ยากขึ้น และดีมานด์ก็มีน้อยลง ส่งผลให้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวปรับแผนหันมาพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ระยะยาวเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันธุรกิจในเครือ มี โรงแรม “แบรนด์ ชาเทรียม แกรนด์” (Chatrium Grande)   เป็นลักชัวรี่ ระดับ 5 ดาว ,”ชาเทรียม” (Chatrium) โรงแรมไฮเอนด์ 5 ดาว และ “มายเทรียณ์” (Maitria) โรงแรมไลฟ์สไตล์ 4 ดาว,โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่,ธุรกิจค้าปลีก และนิคมอุตสาหกรรม

นางสาวิตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทฯในระยะเวลา 3-5 ปี จะมีการเปิดตัวโรงแรมใหม่รวม 3-5 แห่ง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาทั้งในประเทศไทย,เวียดนามและอินโดนีเซีย   จากปัจจุบันมีทั้งหมด 13 แห่ง ทั้งในประเทศไทย,เมียนมา และญี่ปุ่น รวมกว่า 3,500 ห้อง และภายในระยะเวลาดังกล่าวจะมีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นอีกประมาณเท่าตัว

สำหรับในปี 2566 จะมีการนำที่ดินของครอบครัวมาลงทุนพัฒนาโรงแรมใหม่อีกอย่างน้อย 3 แห่ง คือ ที่ดินบริเวณหาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต พื้นที่ 192 ไร่ พัฒนาเป็นวิลล่า 350 หลัง ภายใต้แบรนด์ “ชาเทรียม แกรนด์” ,ที่ดินบริเวณหาดราไวย์  จ.ภูเก็ต พื้นที่ 34 ไร่ พัฒนาเป็นโรงแรม จำนวน 330 ห้องพัก ภายใต้แบรนด์ “ชาเทรียม” ปัจจุบันผ่านการอนุมัติจาก EIA แล้ว และที่ดินบริเวณเกาะสมุย ติดกับโรงแรมโฟร์ ซีซัน สมุย พื้นที่ 30 ไร่ จำนวน 136 ห้องพัก(แบ่งเป็นพูลวิลล่า จำนวน 28 หลัง) ภายใต้แบรนด์ “ชาเทรียม แกรนด์”

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ได้เปิดให้บริการโรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ”  ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 5.9 ไร่ บริเวณถนนเพชรบุรี (ซอยโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย) หรือ ด้านหลังศูนย์การค้าสยามพารากอน อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเดิมทางครอบครัวพัฒนาในรูปแบบของอพาร์ตเมนต์ให้เช่า สูง 5 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มาประมาณ 40 ปี และด้วยสภาพอาคารที่เก่าทรุดโทรมจึงเลิกดำเนินการมาประมาณ 10 ปี ประกอบกับที่ดินบางส่วนถูกเวนคืนไปจำนวน 1 อาคาร เนื่องจากในช่วงนั้นจะมีการพัฒนาทางด่วนในพื้นที่ชุมชนบ้านครัว แต่ต่อมาได้ถูกยกเลิกไป ทางบริษัทฯจึงได้ซื้อที่ดินกลับมา และพัฒนาเป็นโรงแรมดังกล่าว ซึ่งมีความสูง 32 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 582 ห้องพัก โดยอาคารแรกจะเป็นในรูปแบบของโรงแรม ราคาเริ่มต้นที่ 7,000 บาท/คืน (ห้องดีลักซ์ ขนาด 45 ตารางเมตร) และสูงสุด 80,000 บาท/คืน (ห้องเพนเฮาส์ ขนาด 321 ตารางเมตร) ซึ่งราคาถูกกว่าโรงแรมที่อยู่ติดกันประมาณ 5% แต่ในช่วงที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการมีราคาโปรโมชั่นมอบส่วนลด 30%

ส่วนอีกอาคารจะเป็นในรูปแบบของเรสซิเดนซ์  เน้นการเช่าระยะสั้น-ระยะยาว ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป โดยห้องขนาด 63 ตารางเมตร 1 ห้องนอน ราคาเช่าอยู่ที่ 100,000 บาท/เดือน ขึ้นไป และห้องเพนเฮาส์ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 321 ตารางเมตร ราคาเช่าอยู่ที่ 400,000 บาท/เดือนขึ้นไป ซึ่งลูกค้าทั้งในส่วนของโรงแรมและเรสซิเดนซ์ จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเกาหลี สิงคโปร์ และประเทศแถบตะวันออกกลาง เป็นต้น โดยคาดว่าในปี 2566 จะมีอัตราการเข้าพักที่ 75%

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*