TERRABKK เผยเทรนด์ Well-Being ตอบโจทย์คนซื้อบ้านยุคใหม่ที่มีครบทั้งระบบรักษาความปลอดภัย นวัตกรรมSmart Home ที่ชาร์จรถ EV พื้นที่สีเขียว เผยกลุ่มระดับ Mass สนใจซื้อที่อยู่อาศัยราคา 3-7 ล้านบาท บ้านแนวราบย่านรังสิต-ลำลูกกา,บางใหญ่-บางบัวทองบางพลี และเพชรเกษม-บางแค คอนโดฯย่านจตุจักร-ประชาชื่น,อ่อนนุช-บางนา และพญาไท-อารีย์

นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวถึงผลวิจัย The Most Powerful Real Estate Brand 2022 และผลวิจัยเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคตามแนวคิด “GOOD HEALTH AND WELL-BEING”  ด้วยการเก็บข้อมูลแบบออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 84% จาก 1,000 ตัวอย่างมีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยทั้งบ้านหลังที่ 2และบ้านหลังแรก โดยกลุ่มตัวอย่าง 30% วางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 2 ปีและกว่า 44% คาดว่าจะซื้อบ้านเดี่ยว ส่วนอีก 29% สนใจจะซื้อคอนโดมิเนียม โดยวางงบซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3-5 ล้านบาทประมาณ 31%

โดยปัจจัยสำคัญในการซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัย, บริการหลังการขายที่ดี, สังคมเพื่อนบ้านดี,วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง และราคา โดยผู้บริโภคในกลุ่มบ้านแนวราบส่วนใหญ่ต้องการบ้านที่มีฟังก์ชั่นครอบคลุม อาทิ Smart Home เพื่อความปลอดภัย, นวัตกรรมจัดการคุณภาพอากาศ, การออกแบบเพื่อสูงอายุ, ที่ชาร์จรถ EV และDouble Volume  ขณะที่กลุ่มคอนโดฯ จะให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นที่เพิ่มความเป็นส่วนตัว อาทิ ประตู-ฉากกั้นห้องนอน, หน้าต่างบานใหญ่, ครัวปิด, ห้องนอนที่สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้

โดยกลุ่มตัวอย่างในระดับพรีเมียมที่มีกำลังซื้อราคามากกว่า 7 ล้านบาท สนใจบ้านจัดสรรในทำเลย่านศรีนครินทร์ –บางนา,ราชพฤกษ์-นครอินทร์ และประชาชื่น-รัตนาธิเบศร์  ส่วนฟังก์ชันใช้สอยภายในบ้านที่ลูกค้านำมาใช้ในการตัดสินใจซื้อบ้าน คือ ครัวไทย  สม์ทโฮม ห้องนอนชั้นล่าง และนวัตกรรมที่ดูแลด้านอากาศ

ส่วนทำเลคอนโดฯที่กลุ่มตัวอย่างระดับพรีเมียมต้องการจะอยู่ในย่านสุขุมวิท สีลม-สาทร และพญาไท-อารีย์ โดยให้ความสำคัญหับห้องชุดที่มีประตูหรือฉากกั้นห้องนอน และห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ หน้าต่างบานใหญ่

ขณะที่กลุ่มระดับ Mass สนใจซื้อที่อยู่อาศัยราคา 3-7 ล้านบาท โดยทำเลบ้านแนวราบที่ลูกค้าต้องการจะอยาในย่านรังสิต-ลำลูกกา,บางใหญ่-บางบัวทอง-บางพลี และเพชรเกษม-บางแค ส่วนคอนโดฯจะอยู่ในทำเลย่านจตุจักร-ประชาชื่น,อ่อนนุช-บางนา และพญาไท-อารีย์

เทรนด์ของผู้บริโภคในปี 2565 จะให้ความสำคัญกับโครงการอสังหาฯที่ช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) มากกว่าการเปรียบเทียบราคาหรือทำเลแบบเมื่อก่อน โดยมีความต้องการหรือคาดหวังบ้านในอุดมคติที่ต้องช่วยสร้างความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และต้องสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล”

ทั้งนี้หาดแบ่งกลุ่มผู้อยู่อาศัยตามแต่ละช่วงวัยจะพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่ม Gen Y อายุ 27-40 ปี มีแผนที่จะซื้อที่อยู่อาศัยมาก 88% ในจำนวนนี้ 38% ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 29% ซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งส่วนใหญ่มีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-7 ล้านบาท และให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมและทันสมัย รวมถึงการออกแบบ Universal Design รองรับทุกเพศ ทุกวัย และพื้นที่ส่วนกลาง 24 ชั่วโมง

กลุ่มลูกค้า Gen Z อายุ 18-26 ปีกว่า 87% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัย และ72% เป็นการซื้อบ้านหลังแรก ส่วนอีก 17%เป็นการซื้อบ้านหลังที่ 2 โดยสนใจซื้อคอนโดฯและบ้านเดี่ยวระดับราคา 2-5 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย คือ ความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง, ต้องการสังคมที่ดีขึ้น มีความปลอดภัย และต้องการซื้อไว้พักอาศัยในวันทำงาน ในขณะที่เรื่องการจัดการระบบสาธารณูปโภคที่ดี เช่น สายไฟลงดิน, ระบบระบายน้ำ, ระบบจัดการขยะ นวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวก เช่น Smart Home, EV Charger, การก่อสร้างที่ไม่ก่อมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*