ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 381.4 จุด เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า  และเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นว่าราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนามีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ย 5 ปีก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 (ปี 2558 – 2562) เล็กน้อย โดยมีอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14.8%

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินเปล่ามีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังมีปัญหายืดเยื้อต่อเนื่อง กระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัวลดลง รวมถึงรัฐบาลได้ประกาศจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มอัตราโดยไม่ได้รับส่วนลด 90% เหมือนในปี 2562 – 2563 ที่ผ่านมา และกรมธนารักษ์ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่รอบปี 2566-2569 ในวันที่ 1 มกราคม 2566 หลังเลื่อนใช้รอบใหม่มาตั้งแต่ปี 2564 มีผลทำให้ภาพรวมของราคาประเมินที่ดินทั้งประเทศปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 8% ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เจ้าของที่ดินได้ปล่อยอุปทานที่ดินสู่ตลาดเพื่อลดภาระการจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในขณะเดียวกันความต้องการซื้อที่ดินสะสมในตลาดก็ลดลงอีกด้วย

โดยผลการสำรวจที่ดินนเปล่าในไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่า โซนที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ประอบด้วย

ที่ดินในโซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง มีอัตราการเปลี่ยนราคามากถึง 57.3%

ที่ดินในโซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด มีอัตราการเปลี่ยนราคา 46.9%

ที่ดินในโซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก มีอัตราการเปลี่ยนราคาราคา 31.9%

ที่ดินในโซนกรุงเทพชั้นใน มีอัตราการเปลี่ยนราคาราคา  16.6%

ที่ดินในโซนบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่-มีนบุรี-หนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง มีอัตราการเปลี่ยนราคาราคา10.1%

ทั้งนี้ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มข้นสะท้อนให้เห็นว่า ที่ดินที่อยู่บริเวณพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯและปริมณฑลมีการเปลี่ยนแปลงของราคาในลักษณะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาซื้อขายยังไม่สูงมากนัก และยังมีความต้องการนำไปใช้ในการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบมาก เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนของราคาที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยได้  ในขณะที่ราคาที่ดินในเขตชั้นในและชั้นกลางของกรุงเทพฯ  มีราคาที่สูงอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นบ้าง จึงทำให้อัตราการเปลี่ยนแปลงราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับในพื้นที่ชานเมือง

สำหรับราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่านในไตรมาส 4 พบว่าเส้นทางรถไฟฟ้า 5 อันดับแรกที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน  ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่มีโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วและเป็นโครงการในอนาคต ประกอบด้วย

MRT ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 508.3 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดดินเพิ่มขึ้น16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน  โดยราคาที่ดินในเขตบางซื่อเป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก

สายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) ซึ่งเป็นโครงการในอนาคตมีค่าดัชนีเท่ากับ 500.4 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยราคาที่ดินในเขตบางรัก และสัมพันธวงศ์เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก

สายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 477.3 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 16.6% โดยราคาที่ดินในเขตจตุจักร ดอนเมือง และบางเขน เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก

สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 488.4 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 13.1%  โดยราคาที่ดินในเขตภาษีเจริญ เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก

สายสีทอง (ธนบุรี-ประชาธิปก) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 481.4 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 13.1% โดยราคาที่ดินในเขตคลองสาน เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมากสุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*