วีรีเทล บริษัทในเครือพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค นำที่ดิน 13 ไร่ ติดถนนรัชดาฯ ผุดโครงการมิกซ์ยูส อาคารสำนักงาน  พร้อมพื้นที่รีเทลในอาคารกลางแจ้ง  มูลค่า 7,000 ล้านบาท ทั้งจับมือ “จ๊อดแฟร์” ไนท์มาร์เก็ตชื่อดัง เข้าบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด คาดโครงการกำหนดแล้วเสร็จปี 67 ตั้งเป้าภายในปี 4 สัดส่วนรายได้จากอสังหาฯเชิงพาณิชย์ เพิ่มเป็น 30% เผยหากประสบความสำเร็จจ่อนำแลนด์แบงก์แปลงศักยภาพผุดต่อเนื่องปีละ 1 โครงการ
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2566 ว่า ที่ผ่านมาหลายบริษัทมียอดขายมากกว่า 30,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดระดับกลาง-บน ราคา 5-40 ล้านบาท ยังไปได้ดี ขณะที่ตลาดระดับล่าง แม้ว่าความต้องการยังมีอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยผ่านการพิจารณาการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งคงต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาแก้ไขเรื่องหนี้สินภาคครัวเรือนและฟื้นภาคธุรกิจท่องเที่ยว สำหรับในส่วนของบริษัทฯเองยอมรับว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า 20% ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถก่อสร้างบ้านและส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้ทัน

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทฯได้มองถึงการลงทุนในธุรกิจที่เพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัท โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์บนทำเลศักยภาพสูงซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับหลายแปลง ส่วนใหญ่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ อาทิ รัชดาภิเษก จำนวน 20 กว่าไร่ และรามอินทรา จำนวน 40-50 ไร่ โดยตั้งเป้าภายในระยะเวลา 4 ปี(ปี 2540) จะมีสัดส่วนรายได้ระยะยาวจากอสังหาฯเชิงพาณิชย์เพิ่มเป็น 30%

ล่าสุดได้ร่วมมือกับนายไพโรจน์ ร้อยแก้ว ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารตลาดรถไฟและตลาด “จ๊อดแฟร์” นำที่ดินบริเวณริมถนนรัชดาภิเษก (เป็นที่ดินที่เช่าระยะยาวจากเจ้าของโรงเรียนพร้อมพรรณวิทยา ระยะ 30 ปี ปัจจุบันเหลือระยะเวลาประกว่า 20 ปี ซึ่งมีแผนจะต่ออีก 10 ปี) จำนวน 13 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน พร้อมพื้นที่รีเทลภายในอาคารและด้านหน้าอาคาร ซึ่งได้ “จ๊อดแฟร์” เข้ามาร่วมมือในการบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด ซึ่งการมีพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์บริหารไนท์มาร์เก็ตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างสูงมาร่วมบริหารโครงการ ทำให้มั่นใจว่าโครงการจะได้รับความนิยมทั้งกลุ่มคนไทย ตลอดจนตลาดนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคัก รวมทั้งยังมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้าขนาดย่อมให้มีโอกาสทางธุรกิจและช่องทางบนทำเลที่ดีเยี่ยม ซึ่งโครงการดังกล่าวดำเนินการโดย บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างหลังเดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นไป และแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2567

“กลุ่มจ๊อดแฟร์ มีความถนัดด้านรีเทล ปัจจุบันมีร้านค้าในมือร่วม 3,000-4,000 ร้านค้า ในขณะที่กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯมีความถนัดด้านการพัฒนาโครงการอสังหาฯ และเชี่ยวชาญในการหาทำเล โดยเฉพาะทำเลใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งยังมีที่ดินทำเลดีที่สามารถนำมาทำรีเทลหรือรูปแบบเชิงพาณิชย์ได้อีกหลายแปลง เชื่อว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว” นายศานิต กล่าว

นายศานิต กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังมีที่ดินอีก 1 แปลงบนถนนรัชดาฯ พื้นที่ 11 ไร่ อีก 1 แปลง ซึ่งอยู่ตรงข้ามแปล 13 ไร่ หากการร่วมมือกับ “กลุ่มจ๊อดแฟร์”ประสบความสำเร็จ ก็มีแผนที่จะนำที่ดินแปลงดังกล่าวมาขยายการทำตลาดอย่าต่อเนื่อง หรืออาจจะเป็นรูปแบบอื่น โดยจะพัฒนาปีละประมาณ 1 โครงการ  ซึ่งจะทำให้ทำเลรัชดาฯเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดของกทม. และการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมิติใหม่ของศูนย์การค้าอีกด้วย

นายพรสวัสดิ์ เกษจุฬาศรีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ย่านศูนย์กลางธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดของกรุงเทพ และมีระบบขนส่งมวลชนอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยอยู่ติดสถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม ประกอบด้วย 2 โซน ได้แก่ อาคารสูง 12 ชั้น และ พื้นที่ร้านค้าด้านหน้าอาคาร ตัวอาคารมีพื้นที่รวมกว่า 93,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) แบ่งเป็น พื้นที่สำนักงาน 5 ชั้น 20,000 ตร.ม. พื้นที่ร้านค้า 3 ชั้น 25,000 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 4 ชั้น 33,000 ตร.ม. จอดรถได้ 750 คัน พื้นที่บริการและสัญจร สวน ล็อบบี้ อีก 15,000 ตร.ม. มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท

ส่วนพื้นที่สำนักงาน จะเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และบริษัทในกลุ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยรวมพนักงานที่อยู่ตามอาคารสำนักงานต่างๆ เข้ามาอยู่ศูนย์กลางที่เดียว พร้อมสำนักงานขายใจกลางเมือง มีแผนพัฒนาให้เป็นสำนักงานทันสมัย ภายใต้แนวคิด Smart Green Office  ทั้งการอนุรักษ์พลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ การออกแบบอาคารให้แสงธรรมชาติเข้าถึงภายในเพื่อประหยัดพลังงาน มีสวนรูฟการ์เด้นและพื้นที่สีเขียวภายในอาคาร ติดตั้ง Solar roof ใช้พลังงานแสงอาทิตย์  มี EV Charging Station สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า  รวมถึงการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการจัดการอาคารมาใช้ อาทิ ระบบจดจำใบหน้าในการเข้าออก ระบบจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ ระบบแลกบัตรผ่านเข้าออกอัจฉริยะ ระบบชำระค่าจอดรถแบบไร้สัมผัส เป็นต้น ภายในมีทั้งพื้นที่สำนักงานเต็มรูปแบบ และพื้นที่แบบ Co-Working Space พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและสันทนาการ ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนทำงานได้ครบ สำหรับพื้นที่รีเทลซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของโครงการ บริหารพื้นที่โดย “จ๊อดแฟร์”  ภายในอาคารจะเป็นร้านอาหารร้านค้าไลฟ์สไตล์ ส่วนด้านหน้าอาคารจะเป็นไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่ โดยโครงการกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567

ด้านนายไพโรจน์ ร้อยแก้ว ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารตลาดรถไฟและตลาดจ๊อดแฟร์  กล่าวว่า “จ๊อดแฟร์” จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่รีเทลทั้งหมด ประกอบด้วย พื้นที่ร้านค้าภายในอาคารขนาด 25,000 ตร.ม. จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้าน แนวคิดหลัก คือการใช้สถาปัตยกรรมเป็นเครื่องบ่งชี้ความแตกต่าง สร้างภาพจำให้กับลูกค้าและผู้ที่มาใช้บริการให้เห็นและจดจำได้แม้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นการนำเอาสถาปัตยกรรมเก่าๆ กึ่งโรงงานเข้ามาใช้ และนำแฟชั่นสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกัน ร้านค้าภายในตัวอาคาร จะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าในหลายๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็นแนว วินเทจ แฟชั่น, สตรีท แฟชั่น, อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ดนตรี งานศิลปะ งานคราฟต์ เป็นต้น สำหรับพื้นที่กลางแจ้งด้านหน้าอาคาร ประมาณ 5.6 ไร่  จะเป็นไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่  ที่มีทั้งพื้นที่เป็นล็อก ร้านค้า และร้านในรูปแบบคีออส รวม 798 ร้าน จะใช้รูปแบบของ “จ๊อดแฟร์” เดิมเป็นหลัก และจะเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ อีกหลากหลาย โดยยังคงคอนเซ็ปต์ไนท์มาร์เก็ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ “จ๊อดแฟร์”  เพื่อให้โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะมีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่  โดยราคาเช่าร้านค้าจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท/วัน ซึ่งมีจำนวนกว่า 800 ร้านค้า

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*