ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานแนวโน้มธุรกิจ  สำหรับด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างมีแนวโน้มขยายตัวจากปีก่อนราว 46% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช้นเดียวกับธุรกิจก่อสร้างที่มีสัญญาณการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น

โดยมีเรื่องเด่นในแต่ละภูมิภาคไตรมาส 4 ปี 2565 ที่น่าสนใจคือ

ภาคเหนือ ธุรกิจโดยรวมฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ การีวันหยุดราชการพิเศษ และการเปิดเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจภาคบริการและการค้า

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธุรกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้น แต่ธุรกิจยังคงเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่มีระดับสูง ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอและแรงกดดันจากภาวะการแข่งขันสูง

ภาคกลาง ธุรกิจโดยรวมขยายตัวจากช่วงเวลาดียวกันของปีก่อน โดยภาคบริการและการค้าได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวและการเปิดประเทศที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงเผชิญต้นทุนในระดับสูง ขณะที่การส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาทำได้จำกัด ส่งผลให้กำไรของธุรกิจลดลง

ภาคใต้ ธุรกิจโดยรวมขยายตัวจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนตามการฟื้นตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต่อเนื่อง ส่งผลให้การใช้จ่ายกลับมาคึกคัก สำหรับธุรกิจการผลิตและส่งออกหดตัวลงจากคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามธุรกิจยังคงเผชิญปัจจัยกดดันจากต้นทุนที่ยังเพิ่มขึ้น

สำหรับภาวะและแนวโน้มของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง

ภาคเหนือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อน โดยเฉพาะบ้านแนวราบราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับสินเชื่อจะเป็นกลุ่มรายได้ประจำหรือเจ้าของกิจการที่มีฐานะมั่นคง ขณะที่สถาบันการเงินจะค่อนข้างเข้มงวดในการพิจารณา สินเชื่อให้แก่กลุ่มอาชีพอิสระ ด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เริ่มเห็นการก่อสร้างโรงแรม ร้านอาหาร และอาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นโครงการเดิมกลับมาก่อสร้างอีกครั้งตามความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้น หลังจากชะลอไปในช่วงก่อนหน้า

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อน ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้น และอานิสงส์จากมาตรการลดค่าโอน/จดจำนอง และ LTV โดยลูกค้าเป็นกลุ่มรายได้ประจำที่ยังมีกำลังซื้อ ซึ่งนิยมซื้อบ้านในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทั้งนี้ แนวโน้ม อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ที่อยู่อาศัยในภาพรวมมากนัก อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังคงได้รับแรงกดดันจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ยังอยู่ใน ระดับสูง ผู้ประกอบการบางรายปรับตัวโดยลดขนาดบ้านให้เล็กลงแทนการปรับราคา ด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปรับดีขึ้น จากการทยอยเปิดโครงการใหม่ของภาคเอกชน รวมทั้งโครงการภาครัฐ ทำให้มีการขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะช่างฝีมือส่งผลกระทบให้การก่อสร้างบางโครงการล่าช้า ด้านพื้นที่ให้เช่าและตลาดนัดดีขึ้นต่อเนื่องตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการได้มากขึ้นเป็นลำดับ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สามารถกลับมาจัดเก็บค่าเช่าได้ตามอัตราปกติมากขึ้น

ภาคกลาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างทรงตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อน โดยบ้านแนวราบ และคอนโดระดับ กลาง-บน ยังเป็นที่ต้องการของตลาด ในขณะที่คอนโดราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ยังคงฟื้นตัวได้ช้า ทั้งนี้ ผลจากดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนตัดสินใจชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป ด้านอุปสงค์ของนักลงทุนต่างชาติเริ่มฟื้นตัวสำหรับธุรกิจก่อสร้างเริ่มเห็นสัญญาณการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสัญญาก่อสร้างโรงงานจากนักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่โครงการก่อสร้างภาครัฐลดลง เนื่องจากมีการทบทวนการใช้งบประมาณตามความจำเป็นและเร่งด่วน จึงทำให้หลายโครงการถูกเลื่อนออกไป หรือถูกลดขนาดลง นอกจากนี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างภาครัฐยังเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น และปัญหาราคากลางไม่สอดคล้องกับต้นทุน

ภาคใต้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ ยังคงมีต่อเนื่องจากกลุ่มรายได้ประจำ ธุรกิจส่วนใหญ่ปล่อยโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงได้ และได้อานิสงส์ของมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ทำให้มีการเร่งซื้อช่วงปลายปี ก่อนมีการประกาศต่ออายุและปรับเงื่อนไขมาตรการจากเดิมที่จะสิ้นสุดปลายปี 2565 อย่างไรก็ตาม กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงกว่ากลุ่มบ้านราคาสูงจากกำลังซื้อที่น้อยกว่า สำหรับบ้านราคาระดับบนยังมียอดขายต่อเนื่อง ภาพรวมธุรกิจมีการแข่งขันกันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างหันมาทำโครงการบ้านเพิ่มขึ้น แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอลงในช่วงท้ายปี ด้านธุรกิจก่อสร้างขยายตัวได้จากงานภาคเอกชนเป็นหลัก ส่วนใหญ่ เป็นงานก่อสร้างขนาดเล็ก อาทิ โครงการบ้านไม่จัดสรรการปรับปรุงอาคารของธุรกิจภาคบริการ ขณะที่ปริมาณงานก่อสร้างภาคเอกชนขนาดกลาง (มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท) มีน้อยจากเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง สำหรับงานก่อสร้างภาครัฐลดลงจากปีก่อนตามงบประมาณลงทุน

 

ที่มาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
อ่านข้อมูลฉบับเต็มคลิก รายงานแนวโน้มธุรกิจฉบับเต็ม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*