พราว เรียล เอสเตทฯมั่นใจไม่เกิน 3 ปี ทำเลสีลมเปลี่ยนโฉมใหม่ คนไทย-ต่างชาติล้นหลามตลอดวัน-คืน ห้องชุดคอนโดฯ,อาคารสำนักงาน,รีเทลและโรงแรม ทะลักพร้อมรับความต้องการ ล่าสุดเตรียมเปิดพรีเซล “รมย์ คอนแวนต์” มูลค่าโครงการ 4,150 ล้านบาท ในวันที่ 25-26 ก.พ. 66 คาด 2 วัน กวาดยอดขาย 500 ล้านบาท เชื่อกำลังซื้อในประเทศสามารถปิดการขายได้หมด พร้อมเล็งหาที่ดินผุดอีก 1-2 โครงการทำเลกทม.-หัวเมืองท่องเที่ยวต่อเนื่อง ตั้งเป้าทั้งปีโกยยอดขายรวม 3,300 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 2,500 ล้านบาท
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ PROUD เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนวิกฤติเศรฐกิจปี 2540 ซอยคอนแวนต์ ถนนสีลม ไม่ค่อยมีผู้ประกอบการเข้ามาพัฒนาคอนโดฯแต่ย่างใด และก่อนที่จะมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้า เมื่อประมาณปี 2530-2540 พบว่าถนนสีลม เป็นทำเลที่มีราคาที่ดินสูงสุดในประเทศไทย แต่เมื่อมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ราคาที่ดินในทำเลต่างๆปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลชิดลม ที่มีราคาสูงสุดในปัจจุบัน แต่เชื่อว่าอีกไม่เกิน 3 ปี ราคาที่ดินในย่านสีลมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแน่นอน เพราะจะมีที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์ ศูนย์การค้า และโรงแรม เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมคนไทยและต่างชาติตลอดวัน ตลอดคืน คาดว่าภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ จะมีคอนโดฯ มากถึง 4,550 ยูนิต, อาคารสำนักงาน 492,700 ตารางเมตร ,โรงแรม 2,615 ห้อง และพื้นที่รีเทล 283,668 ตารางเมตร

ขณะที่ซัพพลายห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน ในปัจจุบันมีเพียง 2,087 ยูนิต โดยเฉพาะห้องพื้นที่ขนาด 80 ตารางเมตรขึ้นไป ยังขาดตลาด โดยราคาเฉลี่ยห้องชุดแบบ Lease Hold จะอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท/ตารางเมตร ส่วนแบบ Free Hold ราคาเฉลี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 250,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งในอนาคตจะราคาขายจะปรับตัวขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาที่ดินในย่านสีลม ก่อนวิกฤติโควิด-12 ราคาอยู่ที่ประมาณ 2.5-2 ล้านบาทปลายๆ/ตารางวาขึ้นไป จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการ “รมย์ คอนแวนต์”

“บริษัทฯได้เริ่มต้นศึกษาจากแผนพัฒนา CBD ย่านสาทร-สีลม-ลุมพินี ทั้งในปัจจุบันและอนาคต แล้ววิเคราะห์ออกมาเป็นภาพใหญ่ของแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบโครงการ ‘รมย์ คอนแวนต์’ พบว่ามีโครงการระดับ Mega Project ที่กำลังจะเกิดขึ้นมากมาย อาทิ One Bangkok และ Dusit Central Park ที่ถือเป็น Mixed use ขนาดใหญ่ มีทั้งคอนโดฯ อาคารสำนักงาน รีเทล และโรงแรม รวมถึงโครงการ Silom Edge และโครงการที่ใกล้ที่สุดอย่าง Park Silom ที่มีแผนแล้วเสร็จในปี 2566 นี้ โดยเมกะโปรเจกต์เหล่านี้ จะทำให้ทำเลนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง กลายมาเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืนสำหรับทั้งคนไทยและต่างชาติในอีกไม่เกิน 3 ปีจากนี้ และจากการสำรวจตลาดพบว่า ยังมีความต้องการคอนโดฯขนาด 2 ห้องนอนแบบอยู่ได้จริงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญในการออกแบบโครงการ ‘รมย์ คอนแวนด์’ (ROMM CONVENT)” นายภูมิพัฒน์ กล่าว

นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ
นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ PROUD กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งรูปแบบคอนโดฯและโครงการแนวราบ ในกรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต จำนวน 1-2 โครงการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างศึกษาข้อมูล โดยหากพื้นที่ไหนที่มีศักยภาพบริษัทฯก็พร้อมที่จะเข้าไปพัฒนา

สำหรับทำเลสีลม โดยเฉพาะซอยคอนแวนต์ บริษัทฯได้มองเห็นศักยภาพ จึงได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมา ซึ่งถือว่าเป็นแปลงสุดท้ายในซอยนี้ในราคารวมประมาณ 1,100 ล้านบาท ที่ต้องการสร้างความรื่นรมย์ภายใต้ความสุขของชีวิตที่ดีและยืนยาวในทุกมิติ โดยโครงการ “รมย์ คอนแวนต์”ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ (700 ตารางวา) พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม สูง 32 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 34.5-468 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 8.5-150 ล้านบาทจำนวน 180 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,150 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดพรีเซลในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 คาดว่าในระยะเวลา 2 วันนี้ จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 500 ล้านบาท โดยลูกค้าที่ให้ความสนใจจะเป็นกลุ่มคนไทยทั้งหมด ซึ่งยังไม่ได้ทำการตลาดกับลูกค้าต่างชาติแต่อย่างใด มั่นใจว่าด้วยดีมานด์คนไทยและต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย จะสามารถทำให้ปิดการขายได้เร็วอย่างแน่นอน ด้านการก่อสร้างจะเริ่มตอกเสาเข็มในเดือนมีนาคม 2566 และแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4/2569

อย่างไรก็ตามบริษัทฯคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายรวมได้ประมาณ 3,300 ล้านบาท จากโครงการ “เวหา” (Vehha Hua Hin) ประมาณ 800 ล้านบาท,โครงการ “วี อารีย์” (VI ARI) มูลค่าโครงการรวม 507 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปีนี้ และโครงการ “รมย์ คอนแวนต์” ประมาณ 2,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ประมาณ 2,500 จากโครงการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน”ซึ่งคาดว่าภายในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้หมดอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท และ “VI ARI” มูลค่าโครงการรวม 507 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดขายภายในปีนี้ และจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*