22 บริษัทอสังหาฯจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯตบเท้าประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อการขายปี 2566 ทั้งหมดจำนวน 405 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 552,940.26 ล้านบาท  5 อันดับแรกพบ เอพีฯแชมป์เปิดตัวมากสุด 58 โครงการใหม่ และมูลค่ามากสุดกว่า 77,000 ล้านบาท  รองลงมาเป็นแสนสิริ,ออริจิ้น,ศุภาลัยและเอสซีฯ แนวราบยังฮอต เปิดตัวมากถึงกว่า 297 โครงการ และคอนโดฯกว่า  103 โครงการ ด้านอนันดาฯเปิดตัวน้อยสุด เพียง 2 โครงการ มูลค่ารวม 14,600 ล้านบาท เหตุสต๊อกเก่ายังเหลืออีกเพียบ
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน)หรือ AP ประกาศแผนปี 2566 เปิดตัวมากถึง 58 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป็นบ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า34,800 ล้านบาท ทาวน์โฮมจำนวน 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียม  4 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท จากปี 2565 ที่เปิดตัวถึง 51 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 63,600 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 19 โครงการ มูลค่า 28,350 ล้านบาท,ทาวน์เฮาส์ 26 โครงการ มูลค่า 23,700 ล้านบาท,คอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่า 9,500 ล้านบาท และต่างจังหวัด 2 โครงการ มูลค่า 2,050 ล้านบาท
บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)หรือ SIRI เปิดตัว 52 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า75,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 30 โครงการ คอนโดฯ 22 โครงการ จากแผนปี 2565 ที่ประกาศเปิดตัว 46 โครงการ มูลค่า 50,000 ล้านบาท แต่สามารถเปิดตัวได้ 39 โครงการ มูลค่า43,000 ล้านบาท

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อการขายแบบ All Time High รวมทั้งสิ้น 42 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 50,000 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 13 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 22 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,500 ล้านบาทและโครงการบ้านจัดสรร 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท จากปี 2565 ที่เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 41,000 ล้านบาท แบ่งเป็น  คอนโดมิเนียม 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,000 ล้านบาท บ้านจัดสรร 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,000 ล้านบาท

บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน)หรือ SPALI เปิดตัวโครงการใหม่ 37 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 41,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 34 โครงการ  มูลค่า 32,700 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท  จากปี 2565 ที่เปิดตัว 31 โครงการ มูลค่ารวม 37,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 10 โครงการ, ภูมิภาค 18 โครงการ)  และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 2 โครงการ, ภูมิภาค 1 โครงการ)

บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ SENA เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 26 โครงการ รวมมูลค่า 24,024 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มฮันคิว ฮันชินพร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 22  โครงการมูลค่า 21,210 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ  9 โครงการ มูลค่า 7,471 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 3-6 ล้านบาท รวมทั้งจะเปิดตัวโครงการแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะตลาดบ้านระดับพรีเมียมในย่านรามอินทรา ราคาขาย 20 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนคอนโดมิเนียม จำนวน 17 โครงการ 16,553 ล้านบาท ประกอบด้วยแบรนด์เดอะ คิทท์ 11 โครงการมูลค่า 7,825 ล้านบาท แบรนด์เฟล็กซี่ 4 โครงการ มูลค่า 6,181 ล้านบาท แบรนด์เดอะนิช 1โครงการมูลค่า 1,874 ล้านบาท และบ้านร่วมทางฝันอีก 1โครงการ จากปี 2565 ที่เปิดตัว 49 โครงการ มูลค่ารวม 27,480 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 28 โครงการ และคอนโดฯ 21 โครงการ

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SC เปิดตัวใหม่ 25 โครงการ รวมมูลค่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 22 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท และคอนโดฯ3 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท  น้อยกว่าปี 2565 ที่เปิดตัว 27 โครงการ มูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท

บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)หรือ PSH มีแผนเปิดโครงการใหม่ 23 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมดราว 23,500 ล้านบาท  แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว  8 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 11 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มุ่งเพิ่มกลุ่มสินค้าที่จับกลุ่มลูกค้าในเซกเมนต์ระดับกลางไปสูง โดยมีแผนเปิดบ้านเดี่ยวพรีเมียมถึง 3 โครงการ จากปี 2565 ที่ผ่านมาเปิดตัวใหม่ได้เพียง 19 โครงการ มูลค่า 11,100 ล้านบาท โดยเน้นโครงการทาวน์เฮาส์เป็นหลัก จากแผนเดิมที่ประกาศไว้จะเปิดตัวทั้งสิ้น 31 โครงการ มูลค่าประมาณ 16,300 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 22 โครงการ บ้านเดี่ยว 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) หรือ LH เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 17 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 34,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% (จากปี 2565 ที่ผ่านมา เปิดตัวไป 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 32,460 ล้านบาท) แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 16 โครงการมูลค่า 28,460 ล้านบาท และคอนโดฯ 1 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโครงการในทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล 13 โครงการ และต่างจังหวัด 4 โครงการ

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “168” แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ส่วนแนวราบ 13 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ในจำนวนี้เป็นบ้านแนวราบระดับพรีเมียม 3 โครงการ จากปี2565 ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท เป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 5 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท  และโครงการบ้านพักอาศัยระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท จำนวน 10 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัยราคาเกิน 10 ล้านบาท 1 โครงการมูลค่า 700 ล้านบาท

บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)หรือ A เปิดตัวจำนวน 14 โครงการ รวมมูลค่า 23,500 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 12 โครงการ มูลค่า 8,500 ล้านบาท และคอนโดฯ 2 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท จากปี 2565 ที่เปิดตัว 4 โครงการ เป็นแนวราบทั้งหมด รวมมูลค่า 1,965 ล้านบาท

บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) หรือ PF  เปิดตัว 14 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด 9 โครงการ มูลค่า 11,730 ล้านบาท, ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 3 โครงการ  มูลค่า 2,770 ล้านบาทโครงการร่วมทุนกับ “ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” เพิ่มอีก 1 โครงการ มูลค่า 2,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในรอบ 4 ปี  ในจำนวนโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ จะมีสินค้าใหม่บ้านเดี่ยวลักชัวรี่ สูง 3 ชั้นทำเลในเมือง แบรนด์ใหม่ “วาวิล่า” รวมถึงยังมีแบบบ้านใหม่ทั้งในโครงการระดับบนของบริษัทและโครงการร่วมทุนกับกลุ่มซิมิโตโมด้วย แต่เป็นการเปิดตัวน้อยกว่าปี 2565 ที่เปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่ารวม 26,210 ล้านบาท โดยเป็นการพัฒนาเอง 12 โครงการ มูลค่า 14,775 ล้านบาท และร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ 3 โครงการ มูลค่า11,435 ล้านบาท

บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมา จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 22,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนคอนโดมิเนียมฯ 70% และโครงการแนวราบ 30% แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์“เคฟ” (Kave), แบรนด์ “แอทโมซ” (Atmoz) และแบรนด์ “โมดิซ” (Modiz) จำนวน 9 โครงการมูลค่ารวม 15,830 ล้านบาท และโครงการบ้าน 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,670 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “ดิ ออเนอร์” (The Honor) และ แบรนด์แนวราบน้องใหม่กับ แบรนด์ “ดิ อาร์เบอร์” (The Arbor) โดยเป็นการพัฒนามากกว่าปี 2565 ที่เปิดตัวใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 12,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,550 ล้านบาท และโครงการแนวราบอีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,850 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนคอนโดมิเนียม 60% และบ้าน 40%

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ LALIN ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ประมาณ 10 – 12 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 – 8,000 ล้านบาท  โดยเน้นการลงทุนในรูปแบบบ้านจัดสรรเป็นหลักในรูปแบบบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ราคาขายตั้งแต่ 2-9 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล  จากปี2565 เปิดตัวทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท ซึ่งเน้นทาวน์เฮาส์ สัดส่วน52% ที่เหลืออีกประมาณ 48% เป็นบ้านเดี่ยว

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ FPT วางแผนเปิดตัว 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 17,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ, ทาวน์โฮม 2 โครงการ, บ้านแฝด 1 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ โดยครึ่งปีแรก 2566 จะเปิดตัวก่อน 6 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ,บ้านแฝด 1 โครงการ และทาวน์โฮม 1 โครงการ  ซึ่งเป็นการเปิดตัวน้อยกว่าปี 2565 ที่ผ่านมา ที่มีการเปิดตัวทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่า 29,000 ล้านบาท นอกจากนี้อาจรุกเปิดตัวในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(Eastern Economic Corridor : EEC)เพิ่มขึ้นด้วย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 8 โครงการประกอบด้วยบ้านเดี่ยวและที่เปล่าจัดสรร 5 โครงการ มูลค่า 6,600 ล้านบาท ทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่า 4,600 ล้านบาท  ส่วนคอนโดมิเนียมมี 2โครงการ มูลค่า 12,100 ล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนทั้ง 2 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดฯไฮไรส์ บนถนนวิทยุ ระดับราคาขายกว่า 200,000 บาท/ตารางเมตร และคอนโดฯโลว์ไรส์ ติดสถานีคูคต  มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นประมาณ 1.3 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่า ปี 2565 ที่เปิด 11 โครงการ รวมมูลค่า 31,550  ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ และแนววสูง 8 โครงการ

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ MJD มีแผนเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,700 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม Super Luxury High-rise 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,800 ล้านบาท และบ้านจัดสรร 5 โครงการมูลค่าโครงการกว่า 5,900 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว 5 แบรนด์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดตัวมากกว่าปี 2565 ที่เปิดตัวเพียง 2 โครงการ รวมมูลค่า 5,200 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว แบรนด์ “มอลตัน เกตส์ กรุงเทพกรีฑา” มูลค่าประมาณ 2,100 ล้านบาท  1 โครงการ และคอนโดฯ แบรนด์”เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว”มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท 1 โครงการ

บริษัท ชีวาทัย จำกัด(มหาชน)หรือ CHEWA เตรียมแผนเปิดตัว 7 โครงการใหม่  มูลค่าโครงการรวม 6,350 ล้านบาท (วงเงินค่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ประมาณ  1,700 ล้านบาท) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค  2โครงการ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท , โครงการคอนโดมิเนียมตึกสูง แบรนด์ ชีวาทัย 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท , โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ไลท์  1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท , บ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ชีวาโฮม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท มากกว่าปี 2565 ที่เปิดตัวคอนโดฯเพียง 2 โครงการ คือ ชีวาทัย ปิ่นเกล้า จำนวน 593 ยูนิตมูลค่าโครงการ 1,587 ล้านบาท และโครงการ ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย4 มูลค่าโครงการ 994 ล้านบาท จากปี 2565 ที่เปิดตัวคอนโดฯเพียง 1 โครงการ รวมมูลค่า 994 ล้านบาท

บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ NCH เปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มอีก 6 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 4,900 ล้านบาท จากปี 2565 ที่เปิดตัวใหม่ 5 โครงการ รวมมูลค่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ถือเป็นการเปิดตัวมากที่สุด โดยทั้ง 6 โครงการ จะเป็นทำเลรังสิต–ลำลูกกา 2 โครงการ พัฒนาในรูปแบบของมิกซ์โปรดักส์ และโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ 2 โครงการ โดยจะพัฒนาทำเลถนนบางนา-ตราด ไม่เกินกม.26 ถือเป็นครั้งแรกที่เอ็น.ซี.ฯเข้ามาพัฒนาและขายโครงการในย่านนี้ ส่วนอีก 2 โครงการ เป็นทำเลพุทธมณฑล สาย5 และกรุงเทพฯชั้นกลาง ใกล้ถนนเลียบทางด่วนอาจณรงค์

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ S วางแผนเปิดตัว 5 โครงการใหม่ ซึ่งเป็นแนวราบทั้งหมด รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท จากปี 2565 ที่เปิดตัวเพียง 1 โครงการ มูลค่า 2,900 ล้านบาท

บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด(มหาชน)หรือ SA เปิดตัวแนวราบทั้งหมด 4 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 7,106.26 ล้านบาท จากปี 2565 ที่เปิดตัวเพียง 2 โครงการ เป็นแนวราบ 1 โครงการ และคอนโดฯ 1 โครงการ รวมมูลค่า 3,622 ล้านบาท

บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA เปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่า 3,300 ล้านบาท มากกว่าปี 2565 ที่เปิดตัวใหม่เพียง 2 โครงการ มูลค่า 1,570 ล้านบาท

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดตัวคอนโดฯ 2 โครงการ มูลค่ารวม 14,600 ล้านบาท ถือว่าเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยที่สุด เนื่องจากยังมีสต๊อกในมือถึงมากกว่า 45,000 ล้านบาทในปี 2566 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โครงการพร้อมอยู่ ณ ต้นปี 2566 ทั้งบ้านและคอนโดฯ รวม 28 โครงการ มูลค่ากว่า 34,000 ล้านบาท โครงการที่จะสร้างเสร็จภายในปี 2566 อีก 3 โครงการ มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ได้แก่โครงการบ้านเดี่ยว อาร์เทล พระราม 9, โครงการทาวน์โฮม อันดา ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ และคอนโดฯ ไอดีโอ จุฬา-สามย่าน จากปี 2565 ที่เปิดตัวจำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ

จะเห็นได้ว่าหลังวิกฤติโควิด-19 ผู้ประกอบการแทบทุกค่ายต่างมีการเปิดตัวโครงการมากสุดเป็นประวัติการณ์กันแทบทั้งสิ้น โดยกระจายไปยังทำเลต่างๆทั่วกทม.-ปริมณฑล และบางจังหวัดที่มีดีมานด์ เมื่อภาคธุรกิจอสังหาฯเริ่มฟื้นตัว ก็เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวตามเช่นกัน

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*