ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯประเมินภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยภาคกลาง 2จังหวัดพบว่าการฟื้นตัวอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ตลาดอาคารชุดได้รับการตอบรับที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง มีสินค้ารอการขายในทำเลนิคมฯบางปะอินมากสุด ส่งผลให้อัตราดูดซับโดยรวมไม่ดี ส่วนภาพรวมภาคตะวันตก ตลาดอาคารชุดเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด แม้ปัจจุบันยอดขายจะดีขึ้นแต่เนื่องจากมีคอนโดฯรอการขายคงค้างจำนวนมาก ทำให้ภาพรวมอัตราดูดซับไม่ดีเท่าที่ควร โดยทำเลที่มีปัญหาและมีการแข่งขันที่สูงมากคือทำเลหินเหล็กไฟ และชะอำตอนใต้ 

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคกลาง 2 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี และพระนครศรีอยุธยาและภาคตะวันตก 2จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ว่า ในพื้นที่ภาคกลางมีจำนวนอุปทานพร้อมขายในตลาดประมาณ 9,899 ยูนิต มูลค่า 30,908 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 608 ยูนิต มูลค่า 1,142 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรร 9,291 ยูนิต มูลค่า 29,765 ล้านบาท โดยมีโครงการเปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาดแค่ 689 ยูนิตเท่านั้น มูลค่า 1,832 ล้านบาท

ส่วนผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันตกมีจำนวนอุปทานพร้อมขายประมาณ 6,760 ยูนิต มูลค่า 31,322 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดฯ 3,737 ยูนิต มูลค่า 16,215 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรร 3,023 ยูนิต มูลค่า 15,107 ล้านบาท

“ตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขายในภาคกลาง มีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่เป็นบ้านจัดสรรทั้งใน2จังหวัด ส่วนคอนโดฯมีเฉพาะในพระนครศรีอยุธยาเท่านั้น ขณะที่จังหวัดสระบุรีมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุด 1.9% ส่วนจังหวัดพระอยุธยามีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุด 5.7% ซึ่งเป็นอัตราการดูดซับที่สูงกว่าช่วงก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนในภาคตะวันตก มีการพัฒนาโครงการใหม่ที่เป็นบ้านจัดสรรในพื้นที่เพชรบุรีเท่านั้น ส่วนอาคารชุดมีทั้ง 2 จังหวัด โดยจังหวัดเพชรบุรีมีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรสูงสุด 2.1% และประจวบคีรีขันธ์มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุด 6.6%” 

อสังหาฯอยุธยา-สระบุรีเปิดตัวใหม่ลดลงกว่า 50%

โดยอุปทานรวมภาคกลาง ที่มีที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด   9,899 ยูนิต มูลค่า 30,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.2% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 24.1% แต่เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรก จำนวนหน่วยลดลง -1.4% มูลค่าลดลง -1.4% ส่วนโครงการใหม่ที่เข้าสู่ตลาดจำนวน  689 ยูนิต มูลค่า 1,832 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมากถึง -56.0 %และ -50.1% ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกจำนวนหน่วยลดลง -55.6% มูลค่าลดลง -75.9%

ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2565 มีจำนวน 8,880 ยูนิต มูลค่า 28,065 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 12.5% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 แต่เมื่อเทียบกับครึ่งแรก (HoH) จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -4.0 มูลค่าลดลง -3.2

โดย 5 ทำเลที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุด คือ ทำเลนิคมฯโรจนะ จำนวน 3,444 ยูนิต มูลค่า 13,975 ล้านบาท,ทำเลนิคมฯบางปะอิน จำนวน 2,174 ยูนิต มูลค่า 5,260 ล้านบาท,ทำเลวังน้อย จำนวน 1,111 ยูนิต มูลค่า 2,739 ล้านบาท,ทำเลในเมืองสระบุรี จำนวน  869 หน่วย มูลค่า 2,941 ล้านบาท และทำเลหนองแค จำนวน 806 ยูนิต มูลค่า 2,044 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 2.01-3 ล้านบาท มีจำนวนถึง 3,260 ยูนิต มูลค่า 8,410 ล้านบาท

ส่วนอุปสงค์ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 1,019 ยูนิต มูลค่า 2,843 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร  836 ยูนิต มูลค่า 2,550 ล้านบาท และอาคารชุด 183 ยูนิต มูลค่า 292 ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด คือทำเลนิคมฯโรจนะ จำนวน 410 นิตย  มูลค่า 1,426 ล้านบาท,ทำเลนิคมฯ บางปะอิน จำนวน 284 ยูนิต มูลค่า 537 ล้านบาท และเมืองสระบุรีจำนวน 149 ยูนิต มูลค่า 498 ล้านบาท

สำหรับพื้นที่สำรวจในจังหวัดสระบุรีพบว่า มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวม 2,419 ยูนิต มูลค่า 6,835 ล้านบาทลดลง -3.3% และ -2.3% ตามลำดับ โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 2,346 ยูนิต มูลค่า 6,736 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 73 ยูนิต มูลค่า 99 ล้านบาท

ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดมีประมาณ 410 ยูนิต เพิ่มขึ้น 41.9% มูลค่า 1,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.4% ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 274 ยูนิต เพิ่มขึ้น 21.8% มูลค่า 762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% และมีจำนวนหน่วยเหลือขายอยู่ในตลาดประมาณ 2,145 ยูนิตลดลง -5.8% มูลค่า 6,072 ล้านบาท ลดลง -5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564

ส่วนผลการสำรวจอสังหาฯในพื้นที่จังหวัดอยุธยา มีจำนวนที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 7,480 ยูนิตเพิ่มขึ้น 11.1% มูลค่า 24,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4% โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 6,945 ยูนิต มูลค่า 23,030 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 535 หน่วย มูลค่า 1,044 ล้านบาท

ด้านที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดมีจำนวน 279 ยูนิต ลดลง -78.2% มูลค่า 463 ล้านบาท ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีเพียง 745 ยูนิต ลดลง -33.5% มูลค่า 2,081 ล้านบาท ทำให้มีจำนวนหน่วยเหลือขายอยู่ในตลาดสูงถึง 6,735 ยูนิต มูลค่า 21,993 ล้านบาท

อสังหาฯภาคตะวันตกเปิดตัวใหม่เพิ่ม 122.7%จากปีก่อนหน้า

สำหรับรวมตลาดอสังหาฯภาคตะวันตกในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด   6,760 ยูนิต มูลค่า 31,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.7% มูลค่าเพิ่มขึ้น 22.2% และเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกจำนวนหน่วยลดลง – 12.4 % มูลค่าลดลง – 14.8% โดยเป็นโครงการใหม่เปิดดตัวเข้าสู่ตลาดจำนวน  663 ยูนิต มูลค่า 1,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  122.7% และ 28.6% ตามลำดับ

ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขาย ณ สิ้นปี 2565 มีจำนวน 5,454 ยูนิต มูลค่า 25,772 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 6.8% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 8.6% แต่เมื่อเทียบกับครึ่งแรกจำนวนหน่วยลดลง -15.5% และมูลค่าลดลง -16.7%

โดย 5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุด คือ  ทำเลชะอำตอนเหนือจำนวน 1,459 ยูนิต มูลค่า 6,113 ล้านบาท,ทำเลชะอำตอนใต้จำนวน 875 ยูนิต มูลค่า 3,276 ล้านบาท,ทำเลเขาตะเกียบจำนวน 727 ยูนิต มูลค่า 5,345 ล้านบาท  ,ทำเลเขาหินเหล็กไฟ จำนวน 600 ยูนิตมูลค่า 3,253 ล้านบาท และทำเลทับใต้จำนวน 536 ยูนิต มูลค่า 2,782 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3.01-5 ล้านบาท มีจำนวน 2,121 ยูนิต มูลค่า 8,884 ล้านบาท

ส่วนจำนวนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่มีจำนวน 1,306 ยูนิต มูลค่า 5,550 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 359 ยูนิต มูลค่า 1,852 ล้านบาท และอาคารชุด 947 ยูนิต มูลค่า 3,698 ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด คือ ทำลหัวหิน จำนวน 406 ยูนิต มูลค่า 1,496 ล้านบาท,ทำเลเขาตะเกียบจำนวน 321 ยูนิต มูลค่า 1,532 ล้านบาท และทำเลชะอำตอนเหนือ จำนวน 200 ยูนิต มูลค่า 734 ล้านบาท

โดยในพื้นที่สำรวจจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 3,578 ยูนิตมูลค่า 18,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.2% และ 32.1% ตามลำดับ โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,832 ยูนิต มูลค่า 9,864 ล้านบาท โครและอาคารชุด 1,746 ยูนิต มูลค่า 8,960 ล้านบาท

ส่วนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดมีจำนวน 525 ยูนิต และมีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 903 ยูนิต ทำให้จำนวนสินค้าเหลือขายสูงถึง 2,675 ยูนิต มูลค่า 14,748 ล้านบาท

ด้านภาพรวมของจังหวัดเพชรบุรีมีจำนวนที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งสิ้น 3,182 ยูนิต มูลค่า 12,498 ล้านบาท โดยมีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ 138 ยูนิต แต่จำนวนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่มีแค่ 403 ยูนิต เพิ่มขึ้น 96.6% มูลค่า  1,474 ล้านบาท ส่งผลให้จำนวนหน่วยเหลือขายยังอยู่ในระดับสูง 2,779 ยูนิต มูลค่า 11,024 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*