ตลาดบ้านหรูปีกระต่ายแข่งเดือด 12 ค่ายอสังหาฯกลาง-ใหญ่ ขยายฐานผุดบ้านระดับลักชัวรี่-อัลตร้าลักชัวรี่ กระจายพื้นที่รอบนอกกทม.สนองเศรษฐีไทย-เทศ กระเป๋าหนัก สิงห์ เอสเตทฯมาแรงสุด ประกาศเปิดตัว “Flagship Cluster Home Project”แบรนด์ใหม่ ทำเลซอยสุขุมวิท 43 เพียง 2 ยูนิต ราคาสุดตะลึงเริ่มต้นที่ 550 ล้านบาท
ในช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 พบว่ามีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพียงไม่กี่รายที่พัฒนาโครงการบ้านระดับลักชัวรี่ ราคาสูงกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่บางรายก็สร้างความฮือฮาด้วยการผุดบ้านระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ราคาสูงถึงเกือบ 400 ล้านบาท/ยูนิต แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โครงการแนวราบยิ่งกลับได้รับการตอบรับ ยอดขายถล่มทลายจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยเฉพาะตลาดระดับบน-พรีเมี่ยม ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มักไม่มีปัญหาในเรื่องการเงิน และส่วนใหญ่ควักจ่ายด้วยเงินสด ส่งผลให้ในปี 2566 มีอสังหาฯหลายค่าย ที่ไม่เคยพัฒนาบ้านราคาเกิน 20 ล้านบาท และเกิน 100 ล้านบาท ได้หันมาชิงส่วนแบ่งตลาดกันมากขึ้น ในทะเลรอบนอกกทม.ทุกโซน แต่โซนที่มีการแข่งขันดุเดือดมากที่สุด คงหนีไม่พ้นตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ที่ค่ายกลาง-ใหญ่ ต่างกว้านซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการกันอย่างต่อเนื่อง โดยเพียงไตรมาสแรกของปี 2566 ก็ประกาศรุกตลาดบ้านหรูกันร่วม 12 รายแล้ว 
โดยเริ่มจาก บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ S คงสร้างเสียงฮือฮาเป็น Talk of the Town ในปี 2566 จากบรรดาผู้ประกอบการอสังหาฯทั้งหมด ด้วยการประกาศเปิดตัว “Flagship Cluster Home Project”แบรนด์ใหม่ ทำเลซอยสุขุมวิท 43 บนพื้นที่ 2 ไร่เศษ จำกัดเพียง 2 ยูนิตๆละ 1 ไร่ ซึ่งมีระดับราคาเริ่มต้นที่ 550 ล้านบาท ซึ่งราคาสูงกว่าโครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” โดยจะเป็นการขายที่ดินก่อนสร้างบ้าน ซี่งแบบบ้านนั้นขึ้นกับความต้องการของลูกค้าที่สามารถออกแบบเองได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด

บริษัท อาลียาห์ คอร์ป จำกัด ซึ่งหลังจากที่กลุ่ม มร. ไลโอเนล ลี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ RML ถอนหุ้นออกไปแล้ว ได้ไปเปิดตัวบริษัท อาลียาห์ คอร์ป จำกัด พัฒนาโครงการ“ALIYAH RESERVE”ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อไตรมาส 4/2565 ที่ผ่านมา พัฒนาในรูปแบบของวิลล่าหรู ระดับอัลตร้า ลักชัวรี ตั้งอยู่บริเวณซอยพัฒนาการ 32 บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว สูง 3 ชั้น ขนาด 175-200 กว่าตารางวา ราคา 218-297 ล้านบาท มีจำนวนเพียง 6 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SC ซึ่งที่ผ่านมามีการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่มาโดยตลอด แต่ปีนี้ได้ไต่ระดับ ด้วยการรุกในเซกเมนต์ Ultimate Luxury เพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยการเผยโฉม “95E1” (ไนน์-ตี้-ไฟว์-อีสต์-วัน) แบรนด์บ้านใหม่ เพื่อสนองความต้องการลูกค้า ซึ่งบ้านแบรนด์ดังกล่าวจะมีนวัตกรรมที่รองรับกลุ่มนิชมาร์เก็ต โดยเอสซีฯตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะพัฒนาแบรนด์ดังกล่าว จำนวน 3 โครงการ นำร่องทำเลย่านโยธินพัฒนา บนพื้นที่ประมาณ 4-5 ไร่ เป็นบ้านหรู ราคาเริ่มต้นสูงสุดที่เคยเปิดขายมา ด้วยราคาเริ่มต้น 100-150 ล้านบาท จำนวนจำกัดเพียง 10 ยูนิต มูลค่าโครงการ 970 ล้านบาท

บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดชมคฤหาสน์สุดหรูระดับมาสเตอร์พีซ บนสุดยอดทำเลทองกรุงเทพกรีฑา ภายใต้แบรนด์ แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา” (CINQ ROYAL Krungthep Kreetha) ที่สะท้อนผ่านคอนเซ็ปต์ 5 Values of Life ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 29 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 117.5-222.3 ตารางวา ระดับราคา 60-150 ล้านบาท จำนวน 48 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท ถือเป็นบ้านราคาแพงสุดตั้งแต่ A5 พัฒนาโครงการมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี แม้ว่าการแข่งขันในย่านกรุงเทพกรีฑาจะดุเดือดเลือดพล่านก็ตาม และในปี 2567 ทาง A5 ยังมีแผนผุดแบรนด์ “แซงค์ รอยัล”ย่านบางนา-ตราด ไม่เกิน กม.8 อีก 1 โครงการ บนที่ดิน 14 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 200-300 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาขาย 100 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท

บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD  เตรียมเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวเรือธง(Flagship) “เนอวานา คอลเลคชั่น กรุงเทพกรีฑา” ระดับอัลตร้าลักชัวรี สูง 3 ชั้น บนที่ดินที่ติดกับNirvana Township Center ที่ดินแปลงที่สวยที่สุดติดถนนใหญ่กรุงเทพกรีฑา มีจำนวน 54 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่สุด 1,000 ตารางเมตร ราคาขาย 80-100 ล้านบาท มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Art of an Indulgence Life” ศิลปะแห่งชีวิตที่รังสรรค์ความสุขเพื่อทุกคนในครอบครัว ที่เน้นมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยระดับบนมากที่สุด

บริษัท ดีเวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด พัฒนาโครงการ “อาณา พระรามเก้า”(ARNA RAMA 9) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพระราม9 ซอย 39 ที่เชื่อมกับซอยรามคำแหง 12 บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ที่เดิมจะพัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ “ไอเรส รามคำแหง” ราคาขาย 21-25 ล้านบาทซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มนายพงษ์ชัย เศรษฐีวรรณ แต่จากวิกฤติโควิด-19 พบว่าความต้องการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ยังได้รับการตอบสนองอย่างต่อเนื่อง จึงได้ปรับแผนมาพัฒนาโครงการ”อาณา พระรามเก้า”เป็นบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ด้วยจำนวนเพียง 8 ครอบครัวเท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ 39.9-73 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท มีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 2 Type ได้แก่Type A จำนวน 5 ยูนิต ที่ดินขนาด 44.20 – 45.60 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 515 ตารางเมตรจำนวน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ  และ Type B จำนวน 3 ยูนิต ที่ดินขนาด 56.40 – 56.80 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 611 ตารางเมตร จำนวน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ลิฟท์และสระว่ายน้ำส่วนตัว ยาว 10 เมตร พร้อมระบบน้ำแร่ Ionizer เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กับคุณสมบัติพิเศษไม่ระคายเคืองดวงตาและผิวหนัง โดยทุกยูนิตเป็นแบบ Fully Fitted อีกทั้งที่จอดรถรองรับระบบ EV Charger

บริษัท เอพี(ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน)หรือ AP ที่ผ่านมาบ้านเดี่ยวเซกเมนต์ระดับบนในเครือเอพี จะพัฒนาภายใต้แบรนด์ “เดอะ ซิตี้”(THE CITY)บ้านเดี่ยว 2 ชั้นบน ที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา ระดับราคาขายที่ 12 – 20 ล้านบาท แต่ในปี 2566 นี้ เอพีฯได้ขยับพอร์ตสินค้าบ้านหรูเพิ่มขึ้น พัฒนาต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ THE CITY สู่แบบบ้านโมเดลใหม่THE CITY บ้านเดี่ยวหรู บนที่ดินขนาดใหญ่ 100-127 ตารางวา หัวหอกสำคัญขยายพอร์ตรุกตลาดบ้านเดี่ยวเซกเมนต์บน ระดับราคา 25 – 50 ล้านบาท โดยในปี 2566 นี้ จะเปิดตัวทั้งหมด 3 โครงการใหม่ ได้แก่ THE CITY จรัญฯ-ปิ่นเกล้า จำนวน58 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท THE CITY ปิ่นเกล้า-บรมฯ 3 จำนวน 68 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,420 ล้านบาท และ THE CITY สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 จำนวน 64 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท

ทั้งนี้แบรนด์ THE CITY โมเดลใหม่นี้ จะพัฒนาผ่านจุดขายหลักที่แตกต่างจากบ้านเดี่ยวหรูทั่วไปในตลาด ได้แก่

1.Customized Design ออกแบบสถาปัตยกรรมบ้านใหม่ยกเซ็ตรวม14 โมเดล รองรับไลฟ์สไตล์และรสนิยมที่เฉพาะของลูกค้าแต่ละทำเล

2.Inclusive Living Design ใส่ใจทุกรายละเอียดทั้งมิติสเปซฟังก์ชันและสุนทรียศาสตร์ในบ้านพร้อมรองรับทุกการใช้ชีวิตร่วมกันของสมาชิกครอบครัวขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยสมาชิกในครอบครัวหลากหลายช่วงวัย โดยเฉพาะผู้สูงวัยและเด็กเล็ก

3.The Ultimate Privacy เน้นการพัฒนาโครงการที่ส่งมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยจำนวนบ้านในแต่ละโครงการเพียง 60 – 90 หลังเท่านั้น

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN ในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา เคยเปิดตัวบ้านหรูภายใต้แบรนด์“BAAN 365” ย่านพระราม 3 มาแล้ว 1 โครงการ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเร่ิมต้นที่ 57-110 ตารางวา และทาวน์โฮม 4 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 26.4 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 20-100 ล้านบาท จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

และในปี 2566 ได้ขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการเปิดตัวบ้านแนวราบภายใต้แบรนด์ “168”ทั้งสิ้น 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท โดยได้มีการเปิดขายพร้อมเมื่อวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาแล้ว 3 โครงการ ได้แก่

1.เมซอง 168 เมืองทอง (MAISON 168 MUANGTHONG) ประกอบด้วย โฮมออฟฟิศ ขนาดที่ดินเร่ิมต้นที่ 28 ตารางวา ราคาเร่ิมต้นที่ 19 ล้านบาท ทาวน์โฮม สูง 3.5 ชั้น ขนาดที่ดิน เริ่มต้นที่ 19 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่  8 ล้านบาท และ บ้านแฝด ขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 35 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท รวมจำนวน 251 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท

2.วิลล่า 168 เวสต์เกต (VILLA 168 WESTGATE) พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 50-90 ตารางวา ราคาเร่ิมต้นที่ 12-15 ล้านบาท จำนวน 20 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท

3.เรสสิเดนซ์ 168 ราชพฤกษ์ (RESIDENCE 168 RATCHAPHRUEK) พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 100-120 ตารางวา ราคาเร่ิมต้นที่ 35-50 ล้านบาท จำนวน18 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 620 ล้านบาท

บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ PS ในเครือบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ PSH มีแผนนำบ้านแบรนด์ “เดอะปาล์ม”มาปัดฝุ่นและยกระดับราคาสูงกว่าเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีกลุ่มลูกค้าเดิม มีความต้องการบ้านและที่ดินขนาดใหญ่ Product ในโครงการใหม่ จึงได้พัฒนาบ้านขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ ขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 300-460 ตารางวา รวมมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ได้แก่เดอะปาล์ม บางนา ราคาเริ่มต้น 15-30 ล้านบาท ,เดอะปาล์ม พัฒนาการ ราคาเริ่มต้นประมาณ 30 ล้านบาท และ เดอะปาล์ม วัชรพล ราคาเริ่มต้นประมาณ 22 ล้านบาท  ซึ่งจะเน้นจุดขายเรื่องนวัตกรรมใหม่ ได้แก่ Passive Home (บ้านประหยัดพลังงาน) เช่น มีระบบกรองฝุ่น , Solar Cell เน้น นวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น

บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ THANA เตรียมพัฒนาบ้านหรูในทำเลพุทธมณฑลสาย2-สาย 3 ภายใต้แบรนด์ “ธนาเรสซิเดนท์” ประเภทบ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 17 ล้านขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้ารายได้ 180,000 บาทขึ้นไป เปิดโครงการในช่วงปลายไตรมาส 2/2566 ซึ่งที่ผ่านมาธนาสิริฯ จะพัฒนาบ้านราคาแพงภายใต้แบรนด์ “ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า – สิรินธร” ระดับราคา 8-10 ล้านบาท

บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA จะเปิดตัวโครงการแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะตลาดบ้านระดับพรีเมียมในย่านรามอินทรา ราคาขาย 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งรายละเอียดจะมีการเปิดตัวในเดือนเมษายน 2566 นี้

และสุดท้ายคือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI กลับมาเจาะตลาดบ้านเดี่ยวลักชัวรี่ รองรับดีมานด์หลากทำเล ขณะเดียวกัน ปีนี้จะมีการบุกไปยังจังหวัดใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปบุกมาก่อน รวมถึงมีโครงการไฮไลท์ที่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล

แค่เพียงแค่ไตรมาสแรก สมรภูมิบ้านหรูก็ประกาศแข่งขันกันดุเดือดเลือดพล่านซะแล้ว คงต้องจับตาดูอีก 3 ไตรมาสที่เหลือว่าจะมีค่ายไหนจะกล้าหาญชาญชัยมาร่วมชิงเค้กกันอีกบ้าง

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*