แอล เอช ที เอเซียฯ ผู้ผลิตแบรนด์ทอสเท็ม เผย สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป ส่งผลการใช้งานวัสดุก่อสร้างเปลี่ยนไปตามเทรนด์ แต่ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคทุก Generation ล่าสุดฉลองครบรอบ 100 ปี  ตอกย้ำผู้นำประกาศแผนธุรกิจรุกตลาดปี 66 เปิดตัวนวัตกรรมสีใหม่ “DUSK GRAY” อย่างเป็นทางการ พร้อมขนทัพนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซกเมนต์ จัดโชว์เคสให้ร่วมสัมผัสในงานสถาปนิก’66” (Architect Expo 2023) ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 25 – 30 เม..66 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานีทั้งเดินหน้าขยายโชว์รูมครอบคลุมทั่วประเทศภายในปลายปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายโต 20% 
นายวิชา วรสายัณห์
นายวิชา วรสายัณห์  หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่ง เทคโนโลยี บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมแบรนด์ ทอสเท็ม (TOSTEM)  ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมากส่งผลให้การใช้งานวัสดุก่อสร้างต้องตอบสนองสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปด้วย และต้องตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในทุก Generation ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันก็จะเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ถูกใจ

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปี 2566 นั้น หลังจากเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้ามาอย่างยาวนานถึง 100 ปีในประเทศญี่ปุ่น และครบ 40 ปีในการตั้งโรงงานประเทศไทย ถึงเวลาก้าวเข้าสู่ศตวรรษใหม่ในปีนี้พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำ ในงานสถาปนิก’66 (Architect Expo 2023) ระหว่างวันที่ 25- 30 เมษายน 2566 ชาเลนเจอร์ฮอลล์1-2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมสีใหม่ “DUSK GRAY” ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดและหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมการชุบสีอะลูมิเนียมด้วยกระแสไฟฟ้าระบบอะโนไดซ์และเคลือบผิวด้วยระบบ TEXGUARD โดยการออกแบบสี “DUSK GRAY” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่วงเวลาพระอาทิตย์อัสดง ซึ่งเป็นบรรยากาศแสงสุดท้ายยามพลบค่ำ ก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่สีของท้องฟ้าจะค่อยๆ เริ่มมืดลง เผยให้เห็นความงามของสีเทาเข้มโทนเย็นเหลือบสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะมาช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบและดีไซน์ 

นอกจากนี้ ทอสเท็ม ได้ขนทัพนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ GRANTS ดีไซน์ใหม่เพื่อเปิดมุมมองให้ลูกค้าได้มีความสุขกับทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างเต็มสายตา GRANTS Corner Sliding Doors นวัตกรรมโซลูชั่นที่มอบทิวทัศน์แบบพาโนรามาที่ไร้สิ่งกีดขวาง ขยายขนาดพื้นที่พักผ่อนด้วยบานเลื่อนเข้ามุมที่เลื่อนเปิดบานออกโดยไม่เหลือเสามุมบดบังสายตา ผลิตภัณฑ์ประตูบานเลื่อนเข้ามุมบนรางเรียบ ดีไซน์เพื่อเชื่อมต่อสเปซภายในและภายนอกตัวบ้านด้วยดีไซน์แบบเข้ามุมที่เลื่อนเปิดออกได้โล่ง เหมาะสำหรับพื้นที่พักผ่อน ที่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ และรับแสงสว่างธรรมชาติได้สูงสุด กลุ่มผลิตภัณฑ์ ATIS กับ Streamline Design ดีไซน์ไร้รอยต่อที่มาพร้อมกับ อุปกรณ์อันสวยงามเส้นกรอบ พื้นผิวกรอบประตูหน้าต่างและการใช้งานทำงานร่วมกันอย่างนุ่มนวล และบานหน้าต่างรูปแบบใหม่ที่สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น รวมถึง Smart Insect Screen นวัตกรรมมุ้งลวดล่องหน ที่ช่วยป้องกันแมลงและมลพิษจากภายนอกมุ้งลวดที่สามารถเพิ่มการมองเห็น เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกได้มากขึ้น โดยทอสเท็มพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษและกิจกรรมทางการตลาดมาร่วมในงานสถาปนิก’66 ครั้งนี้กับส่วนลด 10% สำหรับทุกผลิตภัณฑ์ของทอสเท็มและลุ้นรับตั๋วเครื่องบิน (ไปกลับ) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 5  รางวัล / รางวัลละ 2 ที่นั่ง 

นายวิชา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในปี 2566 จะสามารถสร้างยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 20% จากปี 2565 โดยในช่วงสถานการณ์ก่อนโควิด-19 ระบาด รายได้ส่วนใหญ่ของทอสเท็มประมาณ 80% มาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบโครงการหรืออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ แต่หลังวิกฤติโควิด-19 เริ่มมีสัดส่วนรายได้จากตลาดลูกค้าที่อยู่อาศัยรายย่อยเพิ่มมากขึ้นจาก 20% เป็น 30% ของยอดขายทั้งหมด ทั้งนี้ทางทอสเท็มวางแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าอยู่อาศัย (Retails) มากขึ้น พร้อมขยายส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มรายได้สูง  Upper mass – Luxury segment เพราะพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป คืออยู่บ้านมากขึ้นจึงเลือกมองหาอุปกรณ์ในบ้านเอง ได้เลือกซื้อ สัมผัส ทดลอง และเห็นสินค้าจริงเพื่อนำไปปรับปรุงบ้านให้อยู่อาศัยอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งทอสเท็มได้วางแผนกลยุทธ์การตลาดที่จะขยายสัดส่วนลูกค้ารายย่อยกลุ่มนี้ต่อไป 

นอกจากนี้ ทอสเท็ม ยังได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ สัมผัส ทดลอง และเห็นสินค้าจริงผ่าน TOSTEM Flagship Showroom โดยปัจจุบันทอสเท็มมีโชว์รูมและเดโม่รูมอยู่ในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ ทอสเท็มแฟลกชิปโชว์รูม (TOSTEM Flagship Showroom) ที่คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ทอสเท็มโชว์รูม ในบุญถาวร สาขาราชพฤกษ์,  ทอสเท็มเดโม่รูมในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต รวมถึงยังผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจขยาย TOSTEM Studio ที่บริหารโดยตัวแทนจำหน่าย ขยายโชว์รูมในพื้นที่จริงให้ครอบคลุมในต่างจังหวัดโดยเน้นหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อหวังขยายตลาดลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัยรีสอร์ท และบริษัทรับสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าว โดยขณะนี้ได้ทำการเปิด TOSTEM Studio ไปแล้ว 4  แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี พิษณุโลก อุดรธานี และขอนแก่น และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 10 แห่ง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย อุบลราชธานี นครราชสีมากรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี เพชรบุรี สงขลา โดยคาดภายในสิ้นปี 2566 ทอสเท็ม จะสามารถขยายโชว์รูมครอบคลุมได้ครบทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*