บอร์ด PROUD อนุมัติเข้าศึกษาซื้อ 2 โครงการ NUE District R9 และ NUE Cross Khu Khot จาก โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ฯ และ  ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ฯ  มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,623 ล้านบาท รองรับการขยายพอร์ต เพิ่มความหลากหลาย เสริมสภาพคล่อง สร้างการเติบโตก้าวกระโดดดัน Backlog แตะ 10,000 ล้านบาทภายในปีนี้ เตรียมเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 29 มิ..66 ออกหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering : RO) ราคา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมเงินทุนจากสถาบันการเงินเป็น แหล่งเงินทุนจำนวน 2,490 บาท
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา PROUD ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด  และ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด ในสัดส่วน100% จาก บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ NOBLE และ บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด หรือ TNL โดยทั้งสองบริษัทดำเนินงานพัฒนาใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ NUE District R9  คอนโดมิเนียม High Rise ขนาดใหญ่บนทำเลย่าน Central Business District (CBD)ติดถนนพระราม 9 ใกล้กับ MRT พระราม 9 ที่ครบครันด้วยพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายฟังก์ชันทั้ง Indoor และ Outdoor บนเนื้อที่กว่า 6 ไร่มูลค่าโครงการ 6,519 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขาย (pre-sales) แล้ว 83% คาดรับรู้รายได้ภายในปี 2568 

และ โครงการ NUE Cross Khu Khot  คอนโดมิเนียม Low Rise  บนถนนลำลูกกา ติดสถานีรถไฟฟ้าคูคต  มูลค่าโครงการ 2,104 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย (pre-sales) แล้ว 100% คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ในต้นปี 2567

สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทขยายฐานเงินทุนสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว พร้อมศักยภาพในการขยายธุรกิจได้ใหญ่ขึ้น ผลักดันให้บริษัทมี Backlog เพิ่มขึ้นทันที 7,515 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,180 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้และเพิ่มกำไรสุทธิในปี 2567-2568 อีกทั้งเพิ่มมูลค่าของบริษัทและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น

ในส่วนของการลงทุนซื้อโครงการ NUE District R9 และ โครงการ NUE Cross Khu Khot เป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,735 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น(EGM ) เพื่อระดมทุนจำนวน 2,490 ล้านบาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ PROUD (Right Offering : RO) ในอัตราส่วน 1.80 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าไม่เกิน 624 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อเป็นเงินทุนและเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*