กานดา พร็อพเพอร์ตี้ แตะเบรกขยายโปรเจ็กต์เดินหน้าลุยบ้านพร้อมขาย18โปรเจ็กต์

You are currently viewing กานดา พร็อพเพอร์ตี้ แตะเบรกขยายโปรเจ็กต์เดินหน้าลุยบ้านพร้อมขาย18โปรเจ็กต์

กานดา พร็อพเพอร์ตี้ วางกลยุทธ์ตั้งรับแตะเบรกลงทุนใหม่ ไม่ซื้อที่ดินเพิ่ม ปี’67เปิด 1 โครงการโฟกัสทำเลเดิมย่านพระราม 2 กม.14  ในรูปแบบอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เน้นทำตลาดเร่งระบายสต็อกสินค้า 18 โครงการพร้อมขาย ตั้งเป้ายอดขาย 2,800 ล้านและรายได้ 2,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าต่อยอดแนวคิด Eco Smart จัดโปรฯแจกโซล่าเซลล์บ้านทุกหลัง

นายหัสกร บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ขณะเดียวกันกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ลดลงลงไปมากจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อความสามารถในการขอสินเชื่อของผู้บริโภคลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ในปีนี้บริษัทจะเน้นการดำเนินธุรกิจแบบกลยุทธ์ตั้งรับ โดยจะไม่มีการลงทุนเพิ่มและไม่ซื้อที่ดินเพิ่ม จะโครงการเปิดใหม่ขนาดเล็กเพียง 1 โครงการเท่านั้น คือ โครงการไอลีฟ บิส พระราม 2 กม.14  อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น แต่จะหันไปโฟกัสกับการทำตลาดเพื่อเร่งระบายสต็อกสินค้าจากโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวมกัน 18 โครงการ มูลค่าขายรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้สำหรับปี 2567 โดยตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 2,800 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับยอดขายและรายได้ในปี 2566 ส่วนการลงทุนเปิดโครงการใหม่ต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นก่อน คาดว่าในปี 2568 จะมีโครงการเปิดใหม่ประมาณ 3 โครงการ

“การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 1 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ของปี 2567 เป็นไปอย่างรุนแรง บริษัทจึงได้มีการจัดโปรโมชั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเฉพาะในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ มียอดขายสูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่เติบโตขึ้นไม่ได้เกิดจากการที่ตลาดดีขึ้นในภาพรวม แต่เป็นเพราะทุกบริษัทออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการขาย”

ขณะที่มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลืออย่างละ 0.01% พร้อมทั้งขยายเพดานราคาที่อยู่อาศัยจาก 3 ล้านบาทเป็น 7 ล้านบาท ประเมินว่าจะช่วยสร้างแรงกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาและอุปสรรคอยู่ที่การถูกปฏิเสธสินเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หากภาครัฐสามารถเข้ามาแก้ไขได้จะถือว่าเกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับตลาดที่อยู่อาศัย

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 18 โครงการ ประกอบด้วย ไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน,ไอลีฟ ไพร์ม พระราม 2 กม.14,ไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม.14,ไอลีฟ พราวด์  พระราม 2 กม.14,ไอลีฟ บิส พระราม 2 กม.14,ไอลีฟ ไพร์ม ประชาอุทิศ 90,ไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90,ไอลีฟ ทาวน์ เศรษฐกิจ-บางปลา และไอลีฟ ไพร์ม เศรษฐกิจ-บางปลา เป็นต้น

นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทจะต่อยอดเรื่องของ Eco Smart โดยการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ให้กับลูกค้าทุกหลัง เพื่อลดการใช้ไฟฟ้า ลดการใช้พลังงาน และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า โดยหากคำนวณจากประมาณการการขายในระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ 2567-2570 บริษัทคาดว่าจะสามารถติดตั้งโซล่าเซลล์ได้รวม 9,600 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 19,710,000 กิโลวัตต์ คิดเป็นปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ 8,652,480 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 969,000 ต้น

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเน้นย้ำการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด 5 Kanda Concept ซึ่งประกอบด้วย Multi Generation การให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันของครอบครัว,Easy Maintenance การออกแบบให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา,Eco Smart การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม,Flood Protection การป้องกันอุทกภัยในทุกโครงการ และSpace Matter การให้ความสำคัญกับการออกแบบทุกพื้นที่ใช้สอย

นอกจากนี้ฟังก์ชั่นของบ้านทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมของบริษัทยังคงมีจุดเด่นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่ให้มากกว่า มีการจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆ ภายใต้แนวคิด Space Matter ที่ให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ใช้สอยในบ้าน โดยบ้านทุกแบบทุกประเภทมี 4 ห้องนอน พร้อมห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้งานได้จริง และยังสามารถปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ได้ตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงความ Privacy โดยมีห้องน้ำส่วนตัวสำหรับห้องนอนใหญ่ ทำให้ทาวน์โฮมเกือบทุกแบบของบริษัทมี 4 ห้องนอน และ 3 ห้องน้ำ (มีห้องน้ำในตัวห้องนอนใหญ่) ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท