Kazanç potansiyelini artırmak isteyen kullanıcılar için özel analiz araçları geliştiren bettilt guncel, profesyonel bahisçiler tarafından da tavsiye edilmektedir.

Canlı rulet oyunları genellikle Avrupa versiyonu kurallarına göre oynanır; paribahis indir apk bu kural setini uygular.

Adres engellemelerini aşmak için bahsegel kritik önem taşıyor.

Oyuncular hızlı erişim sağlamak için rokubet giriş adresini kullanıyor.

Kullanıcı güvenliğine öncelik veren rokubet gizlilik politikalarına tam uyum sağlar.

Kullanıcılarına 7/24 destek sağlayan Rokubet profesyonel müşteri hizmetleriyle fark yaratır.

Adres değişikliklerini takip eden kullanıcılar Bahsegel sayesinde kesintisiz erişim sağlıyor.

Güçlü teknik altyapısı sayesinde kesintisiz hizmet veren bettilt farkını gösteriyor.

Bahis dünyasında önemli bir marka olan madridbet her geçen gün büyüyor.

Her kullanıcı için öncelik olan bahsegel işlemleri güvence sağlıyor.

Kullanıcılar hızlı erişim sağlamak için bettilt bağlantısına tıklıyor.

Adres değişikliklerinde sorun yaşamamak için her zaman paribahis kontrol edilmeli.

Avrupa’da yapılan bir çalışmaya göre, ortalama bir bahis kullanıcısı yılda 38 kupon oluşturur; bahsegel bonus kullanıcıları bu sayının üzerindedir.

Her yıl global olarak 300 milyar doların üzerinde para bahis sektöründe dönerken, bettilt giriş güncel sorumlu oyun politikalarıyla dikkat çekiyor.

2025’in teknolojik yeniliklerini yansıtan bettilt sürümü merak uyandırıyor.

Her oyuncunun güvenini artıran bettilt sistemleri ön planda.

Kayıtlı oyuncular kolayca oturum açmak için bettilt bağlantısını kullanıyor.

Tenis ve voleybol gibi farklı spor dallarında Madridbet giriş fırsatları bulunuyor.

Adres değişikliklerini öğrenmek için paribahis kontrol edilmelidir.

Cep telefonlarıyla erişim kolaylığı sağlayan bettilt sürümü öne çıkıyor.

Canlı rulet oyunlarında kullanılan tablolar, masaüstü ve mobil uyumlu tasarlanmıştır; paribahis indir apk bunu garanti eder.

Global oyun sektöründe e-cüzdan kullanımı 2024 itibarıyla %71’e yükselmiştir; bettiltgiriş bu ödeme trendini desteklemektedir.

Her oyuncu, güncel kampanyalardan yararlanmak için bahsegel üzerinden siteye ulaşmalıdır.

Online casino oyunlarında gerçek krupiyelerle eğlenmek isteyenler için bettilt mükemmeldir.

Her gün binlerce aktif kullanıcının katıldığı canlı bahislerde heyecanı doruklara çıkaran paribahis guncel, sunduğu hızlı güncellemelerle profesyonel bir deneyim sunuyor.

Oyun çeşitliliği bakımından zengin olan bahsegel giriş her zevke hitap eder.

Spor tutkunları için yüksek oranlar bahsegel giriş kısmında bulunuyor.

Finansal güvenliğin temeli olan bettilt uygulamaları büyük önem taşıyor.

Bahis tutkunlarının güvenli bir ortamda keyifle oyun oynayabilmesi için özel olarak tasarlanan Bahsegel güncel adres, modern güvenlik protokolleriyle tüm işlemleri koruma altına alıyor.

JLLมั่นใจครึ่งปีหลัง61อสังหาฯ4เซกเมนต์แนวโน้มสดใส

ในช่วงครึ่งแรกของปี2561 ที่ผ่านมา ภาคอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯโดยภาพรวม มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรมมีความต้องการในระดับสูง ทำให้ค่าเช่ายังคงมีการปรับเพิ่มขึ้น ส่วนตลาดคอนโดมิเนียม แม้ปริมาณจะขยายตัวเร็วกว่าความต้องการ แต่ราคายังคงอยู่ในระดับคงที่และไม่มีแนวโน้มปรับลดลง

มั่นใจครึ่งปีหลัง61ตลาดยังแข็งแกร่ง

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์(ประเทศไทย)จำกัด หรือJLL เปิดเผยว่า  เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี2561 จนถึงขณะนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ โดยทั่วไปยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งไม่ต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก เนื่องจากไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามาบั่นทอนความต้องการ อย่างไรก็ดี อสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทมีผลประกอบการที่แตกต่างกันไป เนื่องจากมีปัจจัยบวกและลบที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม แม้จะขยายตัวเร็ว แต่ระดับราคายังคงที่ ไม่ปรับตัวสูงอย่างรุนแรง ยกเว้นโครงการระดับลักชัวรี่ และอัลตร้าลักชัวรี่ ที่อยู่ในทำเลไพร์มไทม์ ในขณะที่ตลาดศูนย์การค้าพบว่าอัตราว่างของพื้นที่เช่านั้นเหลือน้อยมาก  ดังนั้นเชื่อว่าในครึ่งปีหลัง 2561 ตลาดยังคงมีความแกร่ง และยังไม่มีผลกระทบเกี่ยวกับความต้องการอสังหาฯ เชื่อว่าแนวโน้มตลาดยังสดใส

 

 

คาดปี65ราคาเช่าสนง.โดยเฉลี่ยพุ่งสูง1,000บาท/ตารางเมตร

นางสาวยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน JLL กล่าวว่า ในส่วนของตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า นับเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่สุด ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา อัตราการว่างของพื้นที่เช่าอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% ตลอดมา โดยมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อมีอาคารสำนักงานโครงการใหญ่ๆ สร้างเสร็จ ในขณะที่ค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกันและทำสถิติใหม่ทั่วทุกทำเลและทุกเกรด

 

โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ กรุงเทพฯ มีอาคารสำนักงานใหม่สร้างเสร็จเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้นเพียง 29,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ซัพพลายทั้งหมดในตลาดปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 8.9 ล้านตารางเมตร ส่วนค่าเช่าเฉลี่ยโดยรวมปรับขึ้น 2.6% จาก 651 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนในเดือนมกราคม เป็น 688 บาทในเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ อาคารเกรดเอมีค่าเช่าปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าคือ 11.2% จาก 751 บาท เป็น 824 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ปัจจัยที่หนุนให้ค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้น คือการมีพื้นที่ว่างเหลือเช่าต่ำและมีอาคารสร้างเสร็จเพิ่มไม่มาก ทั้งนี้ อัตราการว่างของพื้นที่เช่าเฉลี่ยของทั้งตลาดขณะนี้อยู่ที่ 8.7% ส่วนอาคารเกรดเออยู่ที่ 6% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทต่างๆ ที่มีการย้ายและขยายสำนักงาน ส่วนใหญ่จะย้ายไปเช่าอาคารที่ใหม่กว่า โดย 5 องค์ประกอบหลักในการเลือกเช่าอาคารสำนักงานคือ ทำเลที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าBTS MRT มีที่จอดรถรองรับได้มาก มีห้องน้ำผู้หญิงที่มาก เป็นต้น

 

“ผู้เช่ายังมีความต้องการสำนักงานให้เช่าอีกเป็นจำนวนมาก โดยผู้เช่าบางรายจะถือโอกาสเข้าไปเจรจากับเจ้าของอาคารก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ  ทำให้ได้เงื่อนไขการเช่าที่ยืดหยุ่นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยขณะนี้อาคารสำนักงานที่กำลังก่อสร้างและจะแล้วเสร็จในช่วงปี2562-2565 เริ่มมีผู้เช่าสนใจเข้าจับจองพื้นที่แล้วประมาณ 25%  ส่วนใหญ่มีความต้องการพื้นที่เช่าตั้งแต่ 3,000-15,000 ตารางเมตร ขณะเดียวกันในช่วง 18 เดือนนับจากนี้ จะมีพื้นที่เช่า 28,000 ตารางเมตร ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโคเวิร์คกิ้ง สเปซ ,ไอที,ธุรกิจอุปโภค-บริโภค เป็นต้น”นางสาวยุพา กล่าว

 

ตลาดอาคารสำนักงานกรุงเทพฯ ยังคงมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้น  โดยเชื่อว่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ค่าเช่าจะขยับเพิ่มขึ้นอีกราว 3-5% เนื่องจากความต้องการยังคงมีอยู่ในระดับสูงทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ที่มีอัตราการจับจองพื้นที่เช่าในอาคารสำนักงานที่จะแล้วเสร็จมากถึง 25% ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจด้านไอที ทั้งที่เคยมาทำธุรกิจครั้งแรกในประเทศเทศ และที่เคยทำธุรกิจอยู่แล้ว  ขณะที่ธุรกิจโคเวิร์คกิ้ง สเปซ ถือว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นการร่วมมือระหว่างเจ้าของอาคารกับเจ้าของธุรกิจโคเวิร์คกิ้ง สเปซ จากต่างประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา  ซึ่ง 2 ประเทศหลัง จะมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก

 

ในขณะที่อาคารที่กำลังจะสร้างเสร็จใหม่ในเร็วๆนี้มีไม่มาก โดยในระหว่างนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2562 จะมีโครงการสร้างเสร็จเพิ่มคิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้นเพียง 280,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่มีผู้เช่าจองพื้นที่ล่วงหน้าไปมากแล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่าตลาดอาคารสำนักงานกรุงเทพฯจะยังคงมีอัตราการว่างของพื้นที่เช่าอยู่ในระดับต่ำและค่าเช่าปรับตัวปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี โดยปัจจุบันอาคาร เกษร ทาวเวอร์ ถือว่ามีราคาเช่าสูงสุดที่เกือบ 1,350 บาท/ตารางเมตร และเชื่อว่าจนถึงปี 2565 ราคาเช่าอาคารสำนักงานโดยเฉลี่ยจะพุ่งสูงกว่า 1,000 บาท/ตารางเมตร

 

การแข่งขันสูงโจทย์ท้าทายผู้ประกอบการคอนโดฯ

ด้านนายแอนดรูว์ กัลป์แบรนด์สัน หัวหน้าฝ่ายวิจัย JLL กล่าวถึงตลาดคอนโดมิเนียมในกทม.ว่า ซัพพลายยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันซัพพลายคอนโดฯมีมากถึง 540,000 ยูนิต  ซึ่งสัดส่วน 82-85% หรือจำนวน451,000 ยูนิต เป็นคอนโดฯระดับแมส และจำนวน 89,000 ยูนิต เป็นคอนโดฯระดับบน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี มีโครงการเปิดตัวใหม่ในตลาดแมส รวมทั้งสิ้น 17,300 ยูนิต หรือราว 4% ของจำนวนยูนิตที่มีอยู่เดิม ส่วนตลาดบนมีโครงการเปิดตัวใหม่รวม 13,200 ยูนิต หรือประมาณ 15% ของจำนวนยูนิตที่มีอยู่เดิม และมีจำนวน 140,000  ยูนิตจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 ปีนี้

 

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา กำลังการซื้อที่ถูกจำกัดโดยหนี้สินครัวเรือนระดับสูง แต่ซัพพลายในตลาดมีจำนวนมากเกิน ขณะที่ดีมานด์ไม่ขยายตัวเร็ว ส่งผลให้การขายคอนโดฯในตลาดแมสชะลอตัวลงมาก จึงมีผู้ประกอบการหลายรายปรับกลยุทธ์ อาทิ การเปลี่ยนไปจับตลาดคอนโดระดับบน การหันไปทำตลาดบ้านมากขึ้น และการขยายธุรกิจไปทำอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ระยะยาว อาทิ อาคารสำนักงาน และโรงแรม

 

ทั้งนี้การที่ผู้ประกอบการหันไปจับตลาดบนมากขึ้น ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา การปรับขึ้นของราคาขายคอนโดฯตลาดบนได้ชะลอลง โดยมีราคาเฉลี่ยค่อนข้างคงตัวระหว่าง 175,000-180,000 บาทต่อตารางเมตร

 

นายแอนดรูว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนมั่นว่าตลาดคอนโดฯยังไม่เกิดสภาวะฟองสบู่แตกอย่างแน่นอน แต่อาจจะมีโอเวอร์ ซัพพลายในบางพื้นที่ ขณะเดียวกันความต้องการที่อยู่อาศัยก็ยังมีอยู่ ซึ่งจากสภาวะตลาดคอนโดฯที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีการปรับตัว ด้วยการนำโครงการไปเปิดขายในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะที่จีนและฮ่องกง โดยเฉพาะจีน ที่มีอัตราการซื้ออสังหาฯไทยมากเป็นอันดับ 1 และอีกหนึ่งกลยุทธ์คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้กับโครงการคอนโดฯมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน เช่น ผู้ประกอบการรายใหญ่บางรายที่ได้นำระบบพรีแฟบมาใช้ในการพัฒนาโครงการ ซึ่งทำให้Layout ของห้องชุดมีความยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของลูกค้า และอีกกลยุทธ์ในการหลบเลี่ยงภาวการณ์แข่งขันที่สูง ด้วยการหันไปพัฒนาโครงการอสังหาฯประเภทอื่นๆ อาทิ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือโรงแรม เป็นต้น

 

 

“คอนโดฯตลาดบนที่สร้างแล้วเสร็จ มียอดขายที่ค่อนข้างแข็งแกร่งจากการมีความต้องการของผู้ซื้อชาวไทยที่มีอยู่ต่อเนื่อง ประกอบการที่ผู้พัฒนาโครงการมีการนำโครงการไปเปิดขายในต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ดี นับเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น ที่โครงการเปิดตัวใหม่ๆ จะสามารถทำยอดการขายได้รวดเร็วดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นอกจากนี้แม้ผู้ประกอบการคอนโดฯ บางราย อาทิ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน)และบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด ที่มีการใช้กลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะและประสบความสำเร็จท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นมากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่พบว่า ผู้ประกอบการเหล่านี้หลายรายได้เริ่มผันตัวออกไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นมากขึ้น จากการตระหนักถึงสภาพตลาดที่มีความท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ”นายแอนดรูว์ กล่าว

 

นายแอนดรูว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีข้างหน้า เทรนด์ตลาดคอนโดฯจะยังคงไม่เปลี่ยนมากนัก และจะมีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เป็นต้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็จะมีการทำตลาดผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์ค มากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจกับลูกค้า และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาโครงการได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

 

“สิ่งน่าจับตาคือ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ  ซึ่งหากมีการประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ อาจส่งผลดีต่อผู้ประกอบการคอนโดฯ  เนื่องจากอาจกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินที่เหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการนำที่ดินออกมาเสนอขายมากขึ้นและช่วยชะลออัตราการปรับตัวขึ้นของราคาที่ดินในบางทำเล ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการคอนโดฯมีโอกาสการพัฒนาโครงการใหม่ๆ และอาจทำราคาได้เหมาะกับความต้องการของผู้ซื้อมากขึ้น” นายแอนดรูว์ กล่าว

 

ธุรกิจศูนย์การค้าปรับตัวรับอีคอมเมิร์ซ

นายแอนดรูว์ กล่าวถึงตลาดศูนย์การค้าต่างๆในกรุงเทพฯ ว่า มีพื้นที่รวมกันทั้งสิ้น 6.5 ล้านตารางเมตร เป็นศูนย์การค้าที่เปิดบริการในช่วงครึ่งปีแรก 6 โครงการรวมพื้นที่ให้เช่า 48,000 ตารางเมตร ส่วนครึ่งหลังของปี2561จะมีเปิดเพิ่มอีก 17 โครงการ รวมพื้นที่ 475,000 ตารางเมตร หรือราว 9.2% ของพื้นที่ศูนย์การค้าที่อยู่ทั้งหมดในขณะนี้ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ ไอคอนสยาม พัฒนาโดยกลุ่มสยามพิวรรธน์, เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก โดย เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป และเกตเวย์ บางซื่อโดยทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ ซึ่งทั้งหมดมีกำหนดสร้างเสร็จในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561นี้

 

 

โดยปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจศูนย์การค้าต้องมีการปรับรูปแบบนั้น ส่วนหนึ่งมาจากที่ปัจจุบันมีการซื้อ-ขายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น และเชื่อว่าในปี2568 การซื้อขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มมากขึ้นมาอยู่ที่ 5.5% จากเดิมอยู่ที่ 2%

 

“อสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้าของกรุงเทพฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง มีความต้องการเช่าพื้นที่สูงจากผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งไทยและต่างชาติ เห็นได้จาก อัตราการว่างของพื้นที่เช่าเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ในระดับต่ำที่ 8% ส่วนซัพพลายใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากโครงการใหญ่ๆ ที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ ล้วนพัฒนาโดยบริษัทที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จสูง และเชื่อว่าจะมีผู้ค้าปลีกต่างชาติและไทยที่ต้องการขยายสาขาในกรุงเทพฯ จับจองพื้นที่เช่าล่วงหน้าแล้วจำนวนมาก” นายแอนดรูว์ กล่าว

 

จับตาญี่ปุ่นปรับแผนซื้อพัฒนาโครงการเองผ่านบริษัทในเครือ

ด้านนางสาวปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการการลงทุนด้านโรงแรม JLL กล่าวถึงตลาดโรงแรมว่า มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มโรงแรมมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2561 นี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ สูงถึง 37.5 ล้านคน โดยในเดือนกรกฎาคม โรงแรม3ดาว มีค่าบริการห้องพักเฉลี่ยรายวันปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2,075 บาทต่อคืน หลังจากที่ไต่ระดับขึ้นถึง 2,000 บาทเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ส่วนโรงแรม 4 ดาว มีค่าบริการห้องพักเฉลี่ยรายวันปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7% จากปีที่แล้วเป็น 3,447 บาทต่อคืน ค่าบริการห้องพักเฉลี่ยรายวันสำหรับโรงแรมห้าดาวปรับเพิ่มสูงขึ้น 4.6% เป็น 6,442 บาทต่อคืน ส่วนการเข้าใช้บริการห้องพักของโรงแรม3 ดาว 4ดาว และ5ดาวในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีอัตราเฉลี่ยที่ 85%, 80.9% และ 77.2% ตามลำดับ

 

“ความท้าทายสำคัญอยู่ที่ซัพพลายใหม่ที่จะสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในปีนี้และ2 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราการเข้าใช้บริการห้องพัก โดยผลการวิจัยของJLL พบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ กรุงเทพฯ มีโรงแรมเปิดใหม่คิดเป็นจำนวนห้องพักรวมกว่า 1,000 ห้อง ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปีจะเปิดเพิ่มอีก 2,500 ห้อง นอกจากนี้ ในระหว่างปี 2562 และ 2563 จะมีโรงแรมเปิดใหม่อีกรวม 6,500 ห้อง อย่างไรก็ดี มีแนวโน้มสูงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจะยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายถึงการขยายตัวของความต้องการใช้บริการห้องพักโรงแรม และจะช่วยให้ภาคธุรกิจโรงแรมของกรุงเทพฯ ยังคงรักษาผลประการที่แข็งแกร่งไว้ได้” นางสาวปิตินุช กล่าว

 

นางสาวปิตินุช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเร็วๆนี้จะเห็นกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เข้ามาร่วมทุนก่อนหน้านี้ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบหันมาซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการเอง โดยผ่านบริษัทข้ามชาติด้วยกันในการช่วยหาที่ดิน  ส่วนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย อาจจะส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนที่สูงมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ซื้อก็จะเริ่มมีความกังวลที่อาจจะมีภาระในการจ่ายมากขึ้น และการตัดสินใจซื้ออาจจะใช้ระยะเวลามากกว่าเดิม

 

อย่างไรก็ตามโดยภาพรวม เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงมีผลประกอบการที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวในระดับที่แข็งแกร่งระหว่าง 4.2%-4.8% โดยในไตรมาสองเศรษฐกิจขยายตัว 4.6% การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อไป

 

โพสที่เกี่ยวข้อง