ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบันโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม กลุ่มลูกค้าต่างชาติกลายมาเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่สำคัญในการดูดซับ Supply คงค้างในตลาดให้ยังสามารถเดินไปได้ในภาวะตลาดที่กำลังซื้อของคนไทยเริ่มถดถอย
จากอดีตที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยส่วนใหญ่จะซื้ออสังหาฯตามหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา สมุย เชียงใหม่ ระยอง เป็นต้น ไว้เพื่อเป็นการอยู่อาศัยตากอากาศ เป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อการลงทุน เป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติหันมาสนใจลงทุนและซื้ออสังหาฯโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครมากขึ้น ด้วยเหตุเพราะมองว่า
-
ราคาขายของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯยังถือว่าถูกกว่าคอนโดมิเนียมตามเมืองอื่นๆที่สำคัญของโลก
-
หากมองในแง่ของการลงทุนพบว่าอสังหาฯในเมืองไทยสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าโดยอยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปี
ภาวะการเข้าซื้อคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นสิ่งที่ต้องคอยติดตามผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป ในขณะเดียวกันยังมีตัวแทนหรือเอเจนซี่(agency)ทั้งชาวไทยและชาวจีนเป็นจำนวนมากติดต่อไปยังดีเวลลอปเปอร์ เพื่อขอตัดบิ๊กล็อตหรือเหมาอาคาร นำไปเสนอขายแก่นักลงทุนต่างชาติที่ขณะนี้ยังคงมีความสนใจในการลงทุนอสังหาฯในประทศไทย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าจากการรวบรวมข้อมูลของแผนกวิจัย ของบริษัทคอลลิเออร์สฯ พบว่าในช่วง 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ยังมีการซื้อเหมายกตึกของต่างชาติสำหรับคอนโดมิเนียมในเมืองไทยกันเป็นจำนวนมาก โดยเริ่มต้นพบว่า ไม่ว่าจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ต อาทิ
-
โครงการ New Nordic Water World Phuket ที่มีกลุ่มนักลงทุนจากฝรั่งเศสเข้าซื้อยกตึกในบางอาคาร
-
โครงการ Karon Hill Residence ย่านกะรนก็มีการขายแบบยกอาคารให้กับกลุ่มนักลงทุนชาวจีน
-
โครงการ VIP Mercury Condominium บนหาดราไวย์ก็มีกลุ่มนักลงทุนจากจีนเข้าซื้อแบบเหมาตึก
สำหรับในกรุงเทพมหานครพบว่า การเข้าซื้อเหมาตึกของชาวต่างชาติในปัจจุบันเริ่มพบเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น
-
โครงการ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 ของบมจ. อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ก็มีการขายยกตึกให้ต่างชาติไป 1 อาคาร
-
โครงการ ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี จำนวน 914 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาทพัฒนาโดยบริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด เจาะลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ล่าสุด ก็มีการตัดขายยกตึก 2 อาคารกว่า 400 ยูนิตให้เอเจนซี่นำไปขายลูกค้าจีน
-
โครงการพลัมคอนโด รังสิต อะไลฟ์ ของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท ก็มีการขายแบบยกอาคารให้ให้เอเจนซี่ต่างชาตินำไปขายให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน
-
โครงการไซมิส สุขุมวิท 87 ของ บจ.ไซมิส แอสเสท ก็นำเอาตั้งแต่ชั้น 20 เป็นต้นไปเพื่อขายให้กับกลุ่มนักลงทุนจากจีน
นายภัทรชัย ยังกล่าวด้วยว่ายังมีโครงการโครงการตัวที่ 2 จากแบรนด์ Park Origin ซึ่งครั้งนี้มาลงที่ทำเลทองหล่อใจกลางเมืองในชื่อว่า Park Origin Thonglor จาก บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในซอยทองหล่อ 10 บนที่ดิน Areana 10 เดิม เป็นคอนโด High Rise 3 อาคาร รวม 1,182 ยูนิตมูลค่าการลงทุนกว่า 11,000 ล้าน ก็มีการขายแบบยกอาคารในบางอาคารให้กับต่างชาติเช่นการเปิดขายอย่างเป็นทางการเช่นเดียวกัน
“ชาวต่างชาติเชื้อสายจีนกลุ่มนี้เป็นเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการมากขึ้นโครงการเปิดขายใหม่มีการไปออกโรดโชว์หรือว่าให้นายหน้าชาวต่างชาติไปขายที่ต่างประเทศมากขึ้นและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก” นายภัทรชัย กล่าวพร้อมกับระบุว่า ช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายพยายามบอกว่าโครงการของพวกเขามีชาวต่างชาติเป็นผู้ซื้อกลุ่มใหญ่หรือจนเกือบจะเต็มโควตาของชาวต่างชาติเรียกได้ว่าสร้างกระแสความตื่นตัวได้ระดับที่ไม่น้อยเลยบางโครงการเปิดขายชาวต่างชาติก่อนคนไทยซะอีกและมียอดขายไปแล้วกว่า 40 – 50% แล้วพอถึงวันที่เปิดขายคนไทยก็ขายวันเดียวหมดปิดการขายไปเลยทำเอาคนที่พลาดโอกาสหรือว่าไม่ได้ซื้อเกิดความอยากได้ขึ้นมาทันที
กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติเหล่านี้มีการเรียกเก็บเงินดาวน์ที่สูงกว่าคนไทยโดยมีการเรียกเก็บเงินดาวน์ที่ประมาณ 25-30% หากมองในมุมนักลงทุนเมื่อดาวน์ไปถึง 25-30% แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ยอมทิ้งเงินดาวน์อย่างแน่นอน แต่อาจจะชลอการซื้อลงบ้างในบ้างพื้นที่บางทำเล
สมุย-ภูเก็ต เป้าหมายใหม่ของกลุ่มนักลงทุนชาวจีน
จากการลงพื้นที่ล่าสุดในพื้นที่เกาะสมุย และ ภูเก็ต พบว่า ยังคงมีกลุ่มนักลงทุนชาวจีนให้ความสนใจและเข้าซื้ออสังหาฯทั้งในส่วนของคอนโดมิเนียมและวิลล่าตากอากาศกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแบบยกชั้นหรือซื้อแบบเหมาอาคารก็ยังคงมีกลุ่มนักลงทุนชาวจีนและชาติอื่นๆให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จะต้องเป็นทำเลที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่า ทำเลที่ดี อย่างเช่นล่าสุด พบว่ามีกลุ่มนักลงทุนชาวจีนมีการซื้อเหมาโครงการ คือ
-
Oceana Surin Condominium ถึง 2 อาคาร จาก 7 อาคาร
-
โครงการ OCEAN SANDS
-
โครงการ Platinum Bay หาดกมลา
-
โครงการ VIP Kata Condominium and Villas
“การซื้อเหมาอาคารจากกลุ่มนักลงทุนจีนอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนชาวจีนยังคงมองว่า ภูเก็ตยังคงเป็นทำเลที่น่าลงทุน ยังคงเป็นทำเลที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่า”
นายภัทรชัย ยังให้ความเห็นด้วยว่า ถ้าเป็นทำเลที่ดี ที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่าอย่าง ภูเก็ต หรือ สมุย หรือแม้กระทั้งบางพื้นที่ของพัทยา ก็จะยังคงเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าชาวจีนอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับทำเลในกรุงเทพฯซึ่งถือว่า ปัจจุบันค่อนข้างยากสำหรับกลุ่มนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนชาวไทยเองหรือกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากอัตราการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงอีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการใหม่ออกสู่ตลาดมากเกินไป มากเกินกว่าที่กำลังซื้อจะสามารถดูดซับได้ทัน รวมถึงราคาขายที่มีการปรับราคาขึ้นที่ค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา เลยเกิดภาวการณ์แข็งขันที่ค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา