Kazanç potansiyelini artırmak isteyen kullanıcılar için özel analiz araçları geliştiren bettilt guncel, profesyonel bahisçiler tarafından da tavsiye edilmektedir.

Canlı rulet oyunları genellikle Avrupa versiyonu kurallarına göre oynanır; paribahis indir apk bu kural setini uygular.

Adres engellemelerini aşmak için bahsegel kritik önem taşıyor.

Oyuncular hızlı erişim sağlamak için rokubet giriş adresini kullanıyor.

Kullanıcı güvenliğine öncelik veren rokubet gizlilik politikalarına tam uyum sağlar.

Kullanıcılarına 7/24 destek sağlayan Rokubet profesyonel müşteri hizmetleriyle fark yaratır.

Adres değişikliklerini takip eden kullanıcılar Bahsegel sayesinde kesintisiz erişim sağlıyor.

Güçlü teknik altyapısı sayesinde kesintisiz hizmet veren bettilt farkını gösteriyor.

Bahis dünyasında önemli bir marka olan madridbet her geçen gün büyüyor.

Her kullanıcı için öncelik olan bahsegel işlemleri güvence sağlıyor.

Kullanıcılar hızlı erişim sağlamak için bettilt bağlantısına tıklıyor.

Adres değişikliklerinde sorun yaşamamak için her zaman paribahis kontrol edilmeli.

Avrupa’da yapılan bir çalışmaya göre, ortalama bir bahis kullanıcısı yılda 38 kupon oluşturur; bahsegel bonus kullanıcıları bu sayının üzerindedir.

Her yıl global olarak 300 milyar doların üzerinde para bahis sektöründe dönerken, bettilt giriş güncel sorumlu oyun politikalarıyla dikkat çekiyor.

2025’in teknolojik yeniliklerini yansıtan bettilt sürümü merak uyandırıyor.

Her oyuncunun güvenini artıran bettilt sistemleri ön planda.

Kayıtlı oyuncular kolayca oturum açmak için bettilt bağlantısını kullanıyor.

Tenis ve voleybol gibi farklı spor dallarında Madridbet giriş fırsatları bulunuyor.

Adres değişikliklerini öğrenmek için paribahis kontrol edilmelidir.

Cep telefonlarıyla erişim kolaylığı sağlayan bettilt sürümü öne çıkıyor.

Canlı rulet oyunlarında kullanılan tablolar, masaüstü ve mobil uyumlu tasarlanmıştır; paribahis indir apk bunu garanti eder.

Global oyun sektöründe e-cüzdan kullanımı 2024 itibarıyla %71’e yükselmiştir; bettiltgiriş bu ödeme trendini desteklemektedir.

Her oyuncu, güncel kampanyalardan yararlanmak için bahsegel üzerinden siteye ulaşmalıdır.

Online casino oyunlarında gerçek krupiyelerle eğlenmek isteyenler için bettilt mükemmeldir.

Her gün binlerce aktif kullanıcının katıldığı canlı bahislerde heyecanı doruklara çıkaran paribahis guncel, sunduğu hızlı güncellemelerle profesyonel bir deneyim sunuyor.

Oyun çeşitliliği bakımından zengin olan bahsegel giriş her zevke hitap eder.

Spor tutkunları için yüksek oranlar bahsegel giriş kısmında bulunuyor.

Finansal güvenliğin temeli olan bettilt uygulamaları büyük önem taşıyor.

Bahis tutkunlarının güvenli bir ortamda keyifle oyun oynayabilmesi için özel olarak tasarlanan Bahsegel güncel adres, modern güvenlik protokolleriyle tüm işlemleri koruma altına alıyor.

Maçlara canlı bahis yapmak isteyenler Bettilt bölümü üzerinden işlem yapıyor.

Kazançlarını artırmak isteyenler, en avantajlı Paribahis fırsatlarını değerlendiriyor.

Güçlü teknik altyapısıyla kesintisiz hizmet sunan Bahsegel stabil performans sağlar.

Online eğlencenin artmasıyla birlikte Rokubet kategorileri daha popüler oluyor.

CEO “พีระพงศ์ จรูญเอก” ปรับทุกมิตินำทัพ “ออริจิ้น” ฝ่าหลุมดำศก.

สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เริ่มคลี่คลายส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของยอด Presales ตลาดที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดความหวังว่าภาพโดยรวมตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 (2H63) จะเด่นกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี (1H63) …ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง 2H63 ที่เหลือเพียงเดือนเศษๆ prop2morrow.com สะท้อนภาพธุรกิจผ่านบมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ที่มีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) “พีระพงศ์ จรูญเอก” เป็นผู้นำทัพยังคงสามารถผลักดันยอดขายได้ค่อนข้างดีจากการปรับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกในทุกมิติ และเติมเต็มสิ่งที่ขาดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแตกเพื่อ “โต” รับมือทุกสภาวะเปลี่ยนแปลงของโลกผ่านบริษัทย่อยที่แบ่งออกเป็น 6 กลุ่มบริษัท แต่ละกลุ่มมี CEO ดูแลทำให้การประสานงานมีความกระชับและรวดเร็วรับมือกับทุกเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังมี CFO คอยควบคุมงบประมาณต่างๆ

การร่วมทุน (Joint Venture) กับผู้ประกอบการทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มขึ้นทำให้ได้ทั้งพันธมิตรและเสริมแกร่งด้านเงินทุนในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ตามแผน โดยปัจจุบันมีโครงการรวมทุนคิดเป็นมูลค่ารวม 44,634 ล้านบาท ซึ่งก็เริ่มรับรู้กําไรจากโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์จํากัด สร้างเสร็จใหม่ 2 โครงการเป็นครั้งแรก ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน และโครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคําแหง ที่มียอดขาย (Presale) มากกว่า 93% จากมูลค่าโครงการรวมกว่า 3,700 ล้านบาท และเกิดการรับรู้กําไรจากกิจการร่วมค้าจํานวน 141.2 ล้านบาท (ตามสัดส่วนถือหุ้น 51%)  ** อ่านรายละเอียดเพิ่ม >>ฝ่าวงล้อมอสังหาฯปี’63 สไตล์ “ออริจิ้น”

นอกจากนี้ออริจิ้นยังสร้างช่องทางการขายพิเศษผ่านพนักงานทุกคนร่วม 1,000 คนก้าวมาเป็น Micro-Influencer ภายใต้โปรเจ็กต์ Everyone can sell” ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไม้เด็ดที่ช่วยผลักดันผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2563 มียอดขายอยู่ที่ 4,852.4 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 23.0% ของเป้ายอดขายรวมทั้งปีที่ 21,500 ล้านบาท

Everyone can sell” ปฎิบัติการเชิงรุกทุกคนสามารถขาย กลยุทธ์นี้ออริจิ้น เริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 ทำให้ขีดความสามารถในการขายเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าจากทีมเซลล์กว่า 200 คนเพิ่มเป็น 1,000 คน ด้วยการ “รีสกิล” ให้กับพนักงานจากแผนกอื่นแล้ว “เทรนด์สกิล” ใหม่เพิ่มเข้ามา พูดง่ายๆ ก็คือพนักงาน 1 คนทำได้ 2-3 หน้าที่ กลยุทธ์ใหม่ที่เติมเข้ามานี้ ในมุมของพนักงานเองนอกจากจะได้ทำอะไรสนุกๆ แล้ว ยังมีรายได้เพิ่มด้วย ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มออริจิ้นด้วยเช่นกัน โดยออริจิ้นมียอดขายจากพนักงานในโปรเจ็กต์ “Everyone can sell” เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 557 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 717 ล้านบาทในปี 2562 และสิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 ทำได้ 558  ล้านบาท คิดเป็นกว่า 10% ของยอดขายรวม 4,852 ล้านบาท  ผลการดำเนินงาน1Q63-ORI 

…และปีนี้ 2563 ออริจิ้น ตั้งเป้ายอดขายจากโปรเจ็กต์ Everyone can sell” 3,000 ล้านบาทหรือกว่า 10%ของเป้ายอดขายรวมทั้งปี  21,500 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนแรกทำได้ 945 ล้านบาท

หากลงในรายละเอียดของยอดขายที่เกิดขึ้นจากโปรเจ็กต์ Everyone can sell” หลักๆ จะเป็นยอดขายสินค้าในกลุ่ม Ready to Move เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 303 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 465 ล้านบาทในปี 2562 และ ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ยอดขายที่เกิดจากทีม Everyone Can Sell ของกลุ่ม Ready to Move อยู่ที่ 899 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ออริจิ้นตั้งเป้ายอดขายจากสินค้าในกลุ่ม Ready to Move มูลค่า 10,000 ล้านบาท, เป็นยอดขายจากโครงการใหม่ที่ 8,500 ล้านบาท และอีก 3,000 ล้านบาทเป็นเป้ายอดขายจาก On Going

สําหรับไตรมาส 2 ปี 2563 ออริจิ้นเน้นแผนการตลาดไปที่กลุ่ม Ready to Move และสินค้ารอขาย (Inventory) 8,000 ล้านบาท ด้วยหลากหลายแคมเปญ อาทิ แคมเปญ Keep Your Distance เว้นระยะผ่อน ให้ผู้ซื้ออยู่ฟรีนานสูงสุด 3 ปี ช่วยลดภาระให้ผู้ซื้อได้ในสถานการณ์ COVID-19 พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆ กับ 23 โครงการในเครือแคมเปญ Always Online ใช้ 3 แพลทฟอร์ม ทั้ง LINE OA, Lazada และ Shopee อํานวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคแบบ “ไพรเวซี่ทั่วร์” ในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการหาข้อมูล การจอง การตรวจห้อง ไปจนถึงการ โอนกรรมสิทธิ์ เป็นต้น

“กว่าหนึ่งเดือนของไตรมาส 2 เรามียอดขายแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท  คาดสิ้นไตรมาสก็น่าจะทำยอดขายใกล้เคียงไตรมาสแรกที่ทำได้กว่า 4,852 ล้านบาท” CEO ออริจิ้นกล่าวในงาน OPPORTUNITY DAY เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ “พีระพงศ์ ” ได้กล่าวย้ำว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายเดิมตามที่ประกาศไว้ในช่วงต้นปี ดังนี้

  • เป้ายอดขายที่ 21,500 ล้านบาท
  • เป้าส่งมอบบ้านและคอนโดฯ ให้กับลูกค้าที่ 14,000 ล้านบาท
  • เป้ารายได้รวมที่ 16,000 ล้านบาท
  • เปิดตัวโครงการใหม่ 14 โครงการมูลค่ารวม 21,000 ล้านบาท

ปรับพอร์ตรุกบ้านแนวราบ – “ชะลอ” คอนโดฯ กลุ่ม Luxury

โครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้นั้น 39% หรือประมาณ 7,900 เป็นคอนโดมิเนียม ส่วนที่เหลือ 61% หรือประมาณ 12,100 ล้านบาทเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการไปในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ได้แก่ โครงการแกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน-รามอินทรา จำนวน  278 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 6.8 ล้านบาทต่อยูนิตรวมมูลค่า 1,900 ล้านบาท และโครงการบริทาเนีย สายไหม จำนวน 297 ราคาขายเฉลี่ย 4.7 ล้านบาทต่อยูนิตรวมมูลค่า 1,400 ล้านบาทได้รับการตอบรับจากตลาดผู้บริโภคค่อนข้างดี

ส่วนอีก 12 โครงการที่เหลือจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และบ้านแนวราบอีก 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,700 ล้านบาท การเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบให้สูงขึ้น และเลือกทำเลเปิดตัวตามการขยายตัวของเครือข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าไปยังทําเลเมืองรอบนอกมากขึ้น อีกทั้งลูกค้ากลุ่มนี้มีวัตถุประสงค์การซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และยังมีความผันผวนของอุปสงค์ต่ำกว่าอาคารชุด จึงถือเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการเพิ่มช่องทางของรายได้ รวมทั้งการเจาะกลุ่มลูกค้า Real Demand สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมถือเป็นการปรับตัวของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยคอนโดมิเนียมที่เปิดจะเน้นแบรนด์ ดิออริจิ้น เป็นสินค้าที่ราคาไม่แพงขณะเดียวกันก็ได้ “ชะลอ” การเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในกลุ่ม Luxury ที่มีระดับราคากว่า 200,000 บาทต่อตางเมตรซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอยู่ในตลาดค่อนข้างมาก ซึ่ง “พีระพงศ์” บอกว่า เป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันไม่มีการเปิดโครงการใหม่และก็ไม่มีการโอนด้วย

“เทรนด์คอนโดฯ ในเมืองจะเริ่มกลับมาบูมใหม่ก็อีก 2 ปีข้างหน้าเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จวิ่งได้เพิ่มจาก 4 สายในปัจจุบันเป็น 8 สาย แต่ช่วงนี้เป็นช่วงไพร์มของบ้านจัดสรร”

พีระพงศ์ จรูญเอก

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมี Backlog ขนาดใหญ่มูลค่ารวม 40,110 ล้านบาท (ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563) ที่จะเปลี่ยนเป็นยอดรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านที่จะทยอยสร้างเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปีอีก 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 17,000 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุนมูลค่า 5,300 ล้านบาท) ส่งผลให้บริษัทจะมีโอกาสสร้างทั้งยอดขาย รายได้ และกําไรเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง“พีระพงศ์” ยังบอกด้วยว่า บริษัทฯ มีขีดความสามารถในการทำกำไรได้ดีเห็นได้จากผลการดําเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบรวม 3,393.9 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 1 ปี 2562 อยู่ 393.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.1% ทั้งนี้ถือเป็นรายได้โครงการที่ไม่ได้อยู่ในกิจการรวมค่า 1,925.5 ล้านบาทและเป็นโครงการที่อยู่ในกิจการร่วมค่า 1,441.3 ล้านบาท และมีกําไรสําหรับงวดส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 595.1 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 17.4%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับอัตรากําไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 39.9% และยังมีความสามารถในการทําอัตรา
กําไรสําหรับงวดส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นถึง 3.8% จาก 20.9 % ในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 24.7 %

ภาระหนี้อยู่ในระดับสูงจากการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลทริสเรทติ้งระบุภาระหนี้อยู่ในระดับสูงต่อไปในช่วง 2 ปีข้างหน้าจากการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วบริษัทฯ จึงปรับมูลค่าโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ของทั้งบริษัทเอง และภายใต้กิจการร่วมค้าเป็น 15,000-18,000 ล้านบาทต่อปีลดลงจากประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงก่อนหน้านั้นบริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ทั้งส่วนของบริษัทเองและภายใต้กิจการร่วมค้า อย่างไรก็ตาม จากความกังวลในผลกระทบของโรคระบาดต่อเศรษฐกิจ บริษัทฯ จึงชะลอการลงทุนในโครงการของบริษัทเองและเน้นลงทุนร่วมกับกิจการร่วมค้าเท่านั้นทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร -ORI

ส่วนภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 2,000 ล้านบาท ต่อภาระหนี้ดังกล่าว “พีระพงศ์” บอกว่าบริษัทฯ ไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ใหม่มาชำระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระ แต่ะใช้กระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีอยู่ประมาณ 1,400 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็เพียงพอที่จะชำระหนี้ระยะสั้น และเมื่อโอนที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าได้ตามเป้าหมายสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นก็จะลดลงเหลือเท่ากับ 1.34 เท่า

จากการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องผ่านกลยุทธ์ต่างๆ มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ที่ “พีระพงศ์” มั่นใจว่าสิ่งที่ทำมาตลอดจะสร้างสมดุลรายได้ ไต่ระดับสู่เป้าหมายติด Top 3 อสังหาฯ ที่เขาเคยประกาศไว้ในแผนธุรกิจ 5 ปีตั้งแต่ปี 2561 จะทำให้ได้ภายในปี 2565 ด้วยรายได้ทะลุกว่า 27,000 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากคอนโดมิเนียม  16,000 ล้านบาท  จากโครงการแนวราบ 10,000 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่า 800 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจการให้บริการ 200 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 500 ล้านบาท และเมื่อรวมได้จากโครงการร่วมทุน ในปี 2565 จะมีรายได้รวม 42,000 ล้านบาท

GDP ติดลบกระทบกำลังซื้อ – แบงก์เข้ม Reject Rate เพิ่มเป็น 10-12%

การเดินเกมธุรกิจของออริจิ้นภายใต้หัวเรือใหญ่ “พีระพงศ์ จรูญเอก” ที่มีท้้งคงกลยุทธ์เดิม และปรับกลยุทธ์ระหว่างทาง “ยืดหยุ่น” ไปตามสถานการณ์และปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยมี COVID-19 เป็นตัวเร่งนั้นเพียงพอให้ออริจิ้นถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ เพราะว่าไปแล้วธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยจะไปต่อได้มากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมเป็นอย่างมาก ยิ่งแนวโน้ม GDP ปรับตัวลดลงคาดทั้งปีติดลบในช่วง (-6.0%) – (-5.0%) (ข้อมูลจากสภาพัฒน์ )และกว่าจะฟื้นตัวก็อีก 1-2 ปีประกอบกับภาวะหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงทั่วประเทศส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ อีกทั้งธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ซื้อบ้านก็เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเพิ่มความเสี่ยงกลุ่มผู้กู้ในอาชีพการท่องเที่ยว ซึ่งออริจิ้นเองก็มีลูกค้ากลุ่มนี้ ทำให้ยอดปฎิเสธสินเชื่อ (Reject Rate)กู้ซื้อบ้านจากเดิม 8-10% เพิ่มขึ้นเป็น 10-12% ในช่วงไตรมาส 1ปี 2563

แม้ว่า Reject Rate ที่มีจะแลดูไม่มากแต่ก็เป็นอีกโจทย์ธุรกิจที่จะต้องหาทางแก้ เพราะลูกค้าหรือผู้บริโภคก็มีความเสี่ยงสูงเรื่องรายได้ที่อาจถูกปรับลดลง รวมถึง เสี่ยงที่จะตกงานหรือถูกเลิกจ้างจากนายจ้างที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายจากผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 ดังนั้น คุณภาพของลูกค้าที่ซื้อไปนั่นสำคัญต่อ Backlog ขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในมือมูลค่ารวม 40,110 ล้านบาท เพราะหากเทิร์นเป็นเงินสดไม่ได้ นอกจากจะส่งผลต่อประมาณการรายได้ในแต่ละปีแล้ว Backlog ที่มีก็จะตีกลับมาเป็น “Inventory” ทันทีเช่นกัน

การไต่ระดับตามโรดแมป 5 ปีขึ้นแท่น top 3 อสังหาฯ นั้นจะถูกขยับออกไปหรือไม่คงต้องจับตาดู …แต่ที่แน่ๆ ว่ากันว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบทิศเฉกเช่นกับธุรกิจอื่นๆ ที่ “ออริจิ้น” จะต้องตีฝ่าให้ได้

โพสที่เกี่ยวข้อง