AP โชว์ฟอร์มตุน Backlog กว่า 5.6 หมื่นลบ.-ปั้นแบรนด์ “อภิทาวน์” บุกต่างจังหวัด

  • Post author:
  • 8
You are currently viewing AP โชว์ฟอร์มตุน Backlog กว่า 5.6 หมื่นลบ.-ปั้นแบรนด์ “อภิทาวน์” บุกต่างจังหวัด

 เอพี ไทยแลนด์ หรือ AP  โชว์แบ็คล็อกกว่า 56,100 ล้านบาทเดินหน้าลุยลงทุนครึ่งหลังปี 2563 เตรียมเปิด 26 โครงการใหม่ มูลค่า 26,000 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบภูมิภาคในรูปแบบโครงการแบบมิกซ์ โปรดักส์ภายใต้แบรนด์ “อภิทาวน์” นำร่อง 5 จังหวัด มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท

 

วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เปรียบเหมือนเป็นซูเปอร์โนวาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก สร้างผลกระทบที่ใหญ่และรุนแรงกว่าวิกฤตครั้งไหนในอดีต ซึ่งก็รวมถึงภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน  แต่สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าผู้ประกอบการรายไหนจะไปต่อได้หรือไม่ อย่างไรก็คือ “การปรับตัว ยืดหยุ่น ไปต่อ ” สำหรับ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ AP ที่ได้ปรับตัวมาตลอด ด้วยการเบรกการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมที่เดิมจะเปิดตัวในปีนี้ออกไป 4 โครงการมูลค่าโครงการรวม 12,100 ล้านบาท หันมาบุกตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW ขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ด้วยการเปิด 26 โครงการใหม่ มูลค่า 26,000 ล้านบาท(ลบ.)พร้อมปั้น “อภิทาวน์” แบรนด์ใหม่บุกตลาดต่างจังหวัดในรูปแบบโครงการแบบมิกซ์ โปรดักส์ (Mix Products) ขณะที่ยอดขายรอรับรู้รายได้( Backlog )ในมือมากกว่า 56,149 ล้านบาท รับรู้รายได้จนถึงปี 2566

นายวิทการ จันทวิมล

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ AP กล่าวว่า ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ ดำเนินงานด้วยความระมัดระวังควบคู่ไปกับการปรับแผนงานให้สอดรับกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยมี EMPOWER LIVING เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญขององค์กร ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้น 15,085 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 14 โครงการ มูลค่า 15,500 ล้านบาท และจากโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการขายอีกกว่า 100 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 70,000 ล้านบาท พร้อมประสบความสำเร็จในการโอนกรรมสิทธิ์ LIFE ลาดพร้าว คอนโดมิเนียมร่วมทุนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มทยอยส่งมอบเมื่อเดือนมีนาคม 2563ที่ผ่านมา เชื่อว่าดีมานด์คอนโดยังไม่หาย ด้วยความคุ้มค่าของสินทรัพย์ที่มากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น

จากยอดขายที่ทำได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เท่ากับ15,085 ล้านบาทนั้นคิดเป็น 45% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปีเท่ากับ 33,500 ล้านบาท “ไตรมาส 2ปีนี้ เดิมเราคิดว่าจะเป็นจุดที่ต่ำสุด แต่พอเอาเข้าจริงๆยอดโอนของเราที่ทำได้มากกว่ายอดโอนที่เคยทำได้สูงสุดในช่วงเดียวกันเมื่อปี 2561 เท่ากับ 10,000 ล้านบาท และยอดโอนไตรมาส 2ปีนี้ได้มากกว่าไตรมาส4 ปี 2559 ที่ทำได้ 11,500 ล้านบาท”

ลุยต่อแนวราบพร้อมปั้น “อภิทาวน์” แบรนด์ใหม่บุกตจว.

พร้อมกันนี้นายวิทการ ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2563 บริษัทฯ ยังคงดำเนินงานตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW  ที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเดินหน้าขยายขอบเขตในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมความต้องการของคนไทยมากขึ้น ผ่านแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบในตลาดภูมิภาคด้วยแบรนด์ “อภิทาวน์” นำร่อง 5 จังหวัด มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช, ระยอง, อยุธยา, ขอนแก่น และจังหวัดเชียงราย ในรูปแบบโครงการแบบมิกซ์ โปรดักส์ (Mix Products) ตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งในแบบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 1.5 – 9 ล้านบาท แต่ละโครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่ขนาด 30 -40ไร่มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทโดยจะเริ่มเปิดตัวโครงการที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในในช่วงวันที่ 26-27 กันยายนนี้ ส่วนที่เหลืออีก 4 แห่งจะเปิดตัวในเดือนตุลาคม ปี 2563

ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท

การพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “อภิทาวน์” นั้น จะเป็นชื่อแบรนด์สินค้าในกลุ่มต่างจังหวัดที่เพิ่มเข้ามาในพอร์ตเอพี ด้วยการผสาน 2 จุดแข็งหลัก ได้แก่

จุดแข็งแรก คือ การเป็นผู้นำในเรื่องของสเปซดีไซน์ (Leading in SPACE Design) โดยรูปแบบบ้านในแต่ละโครงการจะได้รับการออกแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของคนในแต่ละจังหวัดตามคอนเซ็ปต์ Dynamic Personalized Model

จุดแข็งที่สอง คือ Tech-Life Management การนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ในการอยู่อาศัย ด้วยการติดตั้งนวัตกรรมคัดสรรภายในโครงการ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการความปลอดภัยภายในหมู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง ทำหน้าที่คัดสรร ดูแลความปลอดภัยในทุกมิติของการอยู่อาศัยภายในหมู่บ้านจัดสรร ผ่านระบบแพลตฟอร์มอัจฉริยะ

นอกจากนี้ ยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ อีกจำนวน 21 โครงการ โดยเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 7,970 ล้านบาท และทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 13,330 ล้านบาท ดังนี้น โดยรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท

สำหรับสินค้าคอนโดมิเนียมในครึ่งหลังของปี 2563 นี้บริษัทฯ มีคอนโดมิเนียมใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอยู่ในแผน การส่งมอบอีกจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 9,800 ล้านบาท สถานะยอดขาย 94% พร้อมส่งมอบเดือนสิงหาคม2563 นี้ และโครงการ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ยอดขาย 95% พร้อมส่งมอบเดือนสิงหาคม2563 นี้

บริษัทฯ ยังมี Backlogรอรับรู้ไปในอีก 3 ปีข้างหน้า (จนถึงปี 2566) เท่ากับ 56,149 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ประมาณ 24% หรือเท่ากับ 13,234 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 76% มีมูลค่ามากถึง 42,915 ล้านบาท ด้านโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย บริษัทฯ มีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายจำนวน 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 21,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถึงแม้จะส่งผลให้ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนระยะสั้นชะลอการตัดสินใจลงทุน แต่ลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวก็ยังคงเห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น และถึงแม้บริษัทฯ ได้ขยับแผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ออกไป 4 โครงการมูลค่าโครงการรวม12,100 ล้านบาท  แต่ทีมงานทุกคนยังคงทำงานตามแผนเดิม เพื่อให้โครงการพร้อมเปิดตัวทันทีหากสถานการณ์ในไตรมาส 4 มีทิศทางที่ดีขึ้นหรือมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ

New Normal” ที่พูดกันยังเกิดขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์แบบ 

นายวิทการ กล่าวให้ความเห็นด้วยว่า ผลกระทบที่เกิดโควิด -19 ครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีต หากยังคงอยู่กับสภาวะความผันผวนเช่นนี้ต่อไป แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม Challenge ที่น่าสนใจคือ วันนี้คำว่า New Normal ที่พูดถึงกันนั้น ยังเกิดขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์แบบ  วิกฤตยังเดินไปไม่ถึงตอนจบ ยังไม่รู้ว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรอีก ดังนั้น เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปต่อท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ นอกจากความพร้อมของคนในองค์กร การบริหารกระแสเงินสดแล้ว แผนธุรกิจที่ยืดหยุ่นคือหนทางที่จะผ่านวิกฤตในครั้งนี้

ที่ผ่านมาโครงการภายใต้แบรนด์ AP มีพื้นฐานที่แข็งแรงอยู่แล้ว สะท้อนได้จากกราฟการเข้าเยี่ยมชมโครงการและยอดขายที่มีสัญญาณเป็นบวก โครงการแนวราบก็มีสัดส่วนการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนยอดการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ LIFE ลาดพร้าวที่เริ่มทยอยโอนในเดือนมีนาคม 2563 จึงเชื่อว่าภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และเข้าสู่ภาวะสมดุล

กล่าวโดย สรุปแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2563 ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ทั้งปีนี้บริษัทฯ เปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 41,500 ล้านบาท จำนวน 40 โครงการ โดยแบ่งเป็นสินค้าบ้านเดี่ยวจำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 20,470 ล้านบาท ทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 16,330 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,700 ล้านบาท และมีสินค้าคอนโดมิเนียมอยู่ระหว่างการขายจำนวน 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 21,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายที่ 33,500 ล้านบาท  ตั้งเป้ารายได้รวม 100% โครงการร่วมทุน 40,550 ล้านบาท เปิดตัวไปแล้วในครึ่งปีแรกจำนวน 14 โครงการ มูลค่าประมาณ 15,500 ล้านบาท สร้างยอดขายครึ่งปีแรกเท่ากับ 15,085 ล้านบาท

ในปี 2563 นี้บริษัทฯ มีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเตรียมส่งมอบจำนวน 4 โครงการ เริ่มส่งมอบไปแล้วในครึ่งปีแรก ได้แก่ LIFE ลาดพร้าว มูลค่า 8,000 ล้านบาท และ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท และเตรียมส่งมอบในครึ่งหลังปี2563 อีก 2 โครงการ ได้แก่ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,800 ล้านบาท และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 56,149 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 13,234 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 42,915 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 15,602 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566

 

preeya tednok

ปุ่น ปรียา เทศนอก ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว prop2morrow ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชนด้านอสังหาริมทรัพย์มากว่า 20 ปี