ฟัลครัมฯ เจอพิษโควิด-19 ประกาศเลื่อน 3 โครงการอสังหาฯเพื่อขาย–เช่า ไปปี64 พร้อมเดินหน้าเทกโอเวอร์ธุรกิจโรงแรมระดับ 3-4 ดาวต่อเนื่อง คาดหลังต.ค.เห็นภาพเร่ขายชัดเจน ล่าสุดเจรจาซื้อที่พัทยา–เชียงใหม่ รวม 3 แห่ง จ่อเปิดขาย “พานารา เทพารักษ์”เฟส2 พร้อมอัดโปรโมชั่น กระตุ้นกำลังซื้อ รับยอดรายได้ปี63 ลดฮวบเหลือ 30 ล้านบาท ด้านกลุ่มกรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ฯ พันธมิตรจากสิงคโปร์ ยันเดินหน้าร่วมทุนต่อเนื่อง
![](https://prop2morrow.com/wp-content/uploads/2020/10/EACB2989-E20B-447F-A1A9-7DD0F19D1425.jpeg)
นายสมศักดิ์ ศรีคุรุวาฬ ผู้อำนวยการ บริษัท ฟัลครัม เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงการแข่งขันอสังหาฯโดยเฉพาะตลาดแนวราบในปี 2563 ว่า จากปัจจัยลบในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดแนวสูงชะลอตัว ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้วมองว่า ผู้ประกอบการทุกรายจะชะลอแผนการดำเนินการในบางส่วน ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน แต่เชื่อว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้นในปี 2564 สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ยอมรับว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานจากเดิมที่จะพัฒนาในพื้นที่โซนตะวันออกของกทม.ประมาณ 3 โครงการ คงเหลือการพัฒนาโครงการ “พานารา เทพารักษ์” ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมาเพียงโครงการเดียว ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือ ซึ่งมีที่ดินรองรับแล้วจะเลื่อนการเปิดตัวไปในปี 2564 โดยจะปรับเป็นบ้านพร้อมโอนทั้งหมด ขณะนี้อยู่ในระหว่าการดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่
– โครงการ “พานารา ลาดกระบัง”ทำเลบางนา ตราด กม.13 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 65 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ขนาด 50-130 ตารางวา แบ่งการพัฒนาเป็น 5 เฟส ราคา 7-14 ล้านบาทจำนวน 279 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส1/2563
–โครงการ “อาโณณา บางบ่อ” พื้นที่ 110 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 7 เฟส ประกอบด้วยบ้านแฝด ขนาด 35 ตารางวาขึ้นไป ราคา 1.99 ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์เฮาส์ ขนาด 18 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท รวม 880 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส 4/2563
ส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวคือโรงแรมระดับ 3-4 ดาว และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ย่านป่าตอง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มกรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จากสิงคโปร์ บนที่ดินที่ดินประมาณ 3 ไร่ ซึ่งออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว สูง 8 ชั้น จำนวน 300 กว่าห้องพัก คงต้องชะลอแผนการพัฒนาออกไปอีกประมาณ 2 ปี
ขณะเดียวกันบริษัทฯก็ยังคงเดินหน้าเทกโอเวอร์กิจการโรงแรม อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงโควิด-19”จะมีธุรกิจโรงแรมหลายแห่งประสบปัญหา แต่ก็ยังไม่ค่อยมีรายใดประกาศขายเนื่องจากสถาบันการเงินยังช่วยเหลือในเรื่องเงินกู้อยู่ คาดว่าหลังเดือนตุลาคม 2563 จะมีความชัดเจนเรื่องการประกาศขายกิจการมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้เข้าไปเจรจาเพื่อขอซื้อกิจการโรงแรมแล้ว 3 แห่ง โดยเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ที่พัทยา 2 แห่ง สูง 8 ชั้น จำนวน 80 ห้องพัก/โรงแรม มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท และที่จ.เชียงใหม่ 1 แห่ง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองราคา จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
สำหรับธุรกิจโรงแรมที่บริษัท ดำเนินการอยู่ก่อนหน้านี้ มีทั้งหมด 4 แห่งด้วยกัน และหลังที่โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ ก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการก่อน 2 แห่ง คือโรงแรม “แกรนด์ สวิส สุขุมวิท 11” และ “แอสพีร่า รีสอร์ต” เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนอีก 2 แห่ง เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการได้ในเดือนมกราคม 2564 คือ”แอสพีร่า เรสซิเดนซ์”ย่านเอกมัย จำนวน 95 ห้องพัก ราคา 1,500 บาท/คืน และ “แอสพีร่า รีสอร์ต” ภูเก็ต คาดว่าจะปรับราคาห้องพักจาก 1,500-1,800 บาท/คืน มาอยู่ที่ 800-900 บาท/คืนเนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ
ส่วนความคืบหน้าโครงการ “พานารา เทพารักษ์” นั้น ภายหลังการเปิดตัวโครงการปลายปี2563 ที่ผ่านมา แม้ต้องเจอผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โครงการมีการปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เช่นเดียวกับทุกธุรกิจ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจ สามารถปิดการขายโครงการในเฟส1 จำวน 44 ยูนิต รวมยอดขายมูลค่า 275 ล้านบาท
ขณะนี้บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การตลาด โดยจะจัดแคมเปญ Panara Savings Carnival ในวันที่ 10-11 ตุลาคม 2563 นี้ ณ Sales Gallery เพื่อเปิดขายโครงการในเฟส 2 ต่อทันที โดยมีแพ็กเกจส่วนลดเงินสดสูงสุด 1.5 ล้านบาท พร้อมทั้งมอบของแถมภายในบ้านมูลค่าถึง 400,000 บาท ซึ่งเป็นข้อเสนอที่มาจากความเข้าใจในสถานการณ์เพื่อร่วมต่อสู้ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ที่มีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจโดยรวมจนถึงเศรษฐกิจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่นกัน คาดว่าจะสามารถปิดการขายเฟส2 ได้ในไตรมาส 1/2564
“เราเปิดตัวโครงการเมื่อปลายปีที่แล้วไม่นานเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบโดยรวมต่อคนทั้งโลก ทุกภาคธุรกิจอย่างหนักแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนตามที่ทราบกัน เราประเมินเหตุการณ์และปรับตัวมาตลอด ซึ่งตอนนี้ต้องบอกว่าผลลัพธ์แห่งความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เราจึงปิดการขายเฟสแรกได้ และได้จังหวะที่จะเปิดขายเฟสสอง ซึ่งเรามั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะด้วยจุดแข็งหลายเรื่อง เช่น ทำเลโครงการติดถนนใหญ่เทพารักษ์ ซึ่งเป็นถนนใหญ่สายหลักแบบหาได้ยากมากแล้วในโซนนี้” นายสมศักดิ์ กล่าว
โดยโครงการ “พานารา เทพารักษ์” ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มนายสมศักดิ์ ศรีคุรวาฬ และบริษัท กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จำกัด จากประเทศสิงคโปร์ ในสัดส่วน 55:45 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 30 ไร่ติดถนนเทพารักษ์ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี สมุทรปราการ เป็นบ้านเดี่ยว บ้านขนาด 2 ชั้น และ 3 ชั้น ขนาด 50-60 ตารางวา (ตร.ว.)พื้นที่ใช้สอย 182-367 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคา 7-19 ล้านบาท มีทั้งหมด 129 หลัง มูลค่าโครงการประมาณ 1,250 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้ปีละประมาณ 150 ล้านบาท/ปี จากธุรกิจให้บริการ ที่สร้างรายได้ระยะยาว แต่จากวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ในปี 2563 เหลือเพียง 30 ล้านบาท คาดว่าในปี 2564 สถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น
![](https://prop2morrow.com/wp-content/uploads/2020/10/167C5D49-BBA3-4D36-8C46-839562B625A7.jpeg)
ด้าน มร.มิฮาย โอลเทียลนู หัวหน้าฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จำกัด กลุ่มผู้ร่วมทุนจากสิงคโปร์ กล่าว่า สถานการณ์พัฒนาที่อยู่อาศัยในไทยยังมีความเป็นไปได้ เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ยังมีความต้องการ แม้ที่ผ่านมาจะพบกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักพอสมควร แต่โควิด-19 เป็นวิกฤติที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนธุรกิจทั่วโลก และขณะนี้บริษัทได้คลี่คลายสถานการณ์ไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้นกลุ่มกรีนฟิลด์ฯ จะยังคงเดินหน้าร่วมลงทุนในโครงการต่อไปอย่างแน่นอน