Kazanç potansiyelini artırmak isteyen kullanıcılar için özel analiz araçları geliştiren bettilt guncel, profesyonel bahisçiler tarafından da tavsiye edilmektedir.

Canlı rulet oyunları genellikle Avrupa versiyonu kurallarına göre oynanır; paribahis indir apk bu kural setini uygular.

Adres engellemelerini aşmak için bahsegel kritik önem taşıyor.

Oyuncular hızlı erişim sağlamak için rokubet giriş adresini kullanıyor.

Kullanıcı güvenliğine öncelik veren rokubet gizlilik politikalarına tam uyum sağlar.

Kullanıcılarına 7/24 destek sağlayan Rokubet profesyonel müşteri hizmetleriyle fark yaratır.

Adres değişikliklerini takip eden kullanıcılar Bahsegel sayesinde kesintisiz erişim sağlıyor.

Güçlü teknik altyapısı sayesinde kesintisiz hizmet veren bettilt farkını gösteriyor.

Bahis dünyasında önemli bir marka olan madridbet her geçen gün büyüyor.

LPN Wisdom หวั่นโควิดรอบใหม่ฉุดตลาดอสังหาฯติดลบ 3%

LPN Wisdom ประเมินสถานการณ์เลวร้ายสุดตลาดอสังหาฯกทม.-ปริมณฑลปี’64 มีโอกาสติดลบ 3%หากรัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 รอบใหม่ไม่ได้ภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ฉุดความเชื่อมั่นดีเวลอปเปอร์ชะลอแผนเปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่กำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว ชี้หากปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ รัฐควบคุม Covid-19 ได้และประชาชนได้รับวัคซีน 50% ของประชากรไทยทั้งประเทศภายในปีนี้ ตลาดอสังหาฯจะกลับมาเป็นบวก 10%

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom: LWS) ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงบทวิจัยทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลปี 2564 ว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลต่อเนื่องมายังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้บริษัทได้ปรับการคาดการณ์ตลาดอสังหาฯในปี 2564 ใหม่จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มทรงตัวหรือเติบโตได้ประมาณ 3-5% และการเปิดตัวโครงการใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2563

แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ที่มีแนวโน้มรุนแรงกว่า ทำให้บริษัทต้องปรับการคาดการณ์ตลาดอสังหาฯในปีนี้อาจจะติดลบ 3% ถึงเติบโตได้ 10% ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ของรัฐบาล โดยแบ่งการคาดการณ์ตลาดอสังหาฯออกเป็น 3 สถานการณ์ คือ

Best Case Scenario หากรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เร็วภายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และวัคซีนสามารถเข้าถึงประชาชนได้ 50% ของประชากรไทยทั้งประเทศภายในปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวได้ประมาณ 4-5% และจะส่งผลต่อเนื่องให้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 9-10% ส่วนมูลค่าของโครงการเปิดตัวใหม่จะเพิ่มขึ้น  13-15% เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายได้ระบายยูนิตคงค้างไปได้จำนวนมากในปี 2563 และจะเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นในปีนี้

ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสแรกปีนี้ โดยประเมินว่าจะมีการระบายสินค้าออกไปได้ 6,500 ยูนิตต่อเดือน  หรือขยายตัวประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563

Base Case Scenario หากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ภายในเดือนเมษายน คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณ 2-3%  และมูลค่าของโครงการเปิดตัวใหม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6% ส่วนจำนวนยูนิตเปิดตัวใหม่จะเพิ่มขึ้น 7-9%  ขณะที่กำลังซื้อจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางปี  ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าในแต่ละเดือนจะสามารถระบายจำนวนที่อยู่อาศัยได้ 6,000-6,300 ยูนิต หรือขยายตัวประมาณ 0-5%

Worst Case Scenario หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ หรือควบคุมได้หลังไตรมาสสองของปีนี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้ทรงตัวหรือเติบโตต่ำกว่า 2% และจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาฯทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่และกำลังซื้อในตลาด

โดยคาดว่ามูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่จะติดลบต่อเนื่องจากปี 2563ประมาณ 15-18%  และจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่จะติดลบประมาณ 8-12% ขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจะลดลงติดลบ 3-5% หรือสามารถระบายสินค้าออกไปได้ 5,700-5,800 ยูนิตต่อเดือน

ตลาดอสังหาฯปี’63 เปิดตัวใหม่หดตัว 37%

สำหรับภาพรวมของอสังหาฯในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในปี 2563 ที่ผ่านมา นายประพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า มีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงประมาณ 37% จากปี 2562 ที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ทั้งหมด 111,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า โครงการรวม 448,000 ล้านบาท ลดเหลือ 70,000 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 276,000 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 และเน้นเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรมากกว่าคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้จากจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ทั้งหมด 70,000 ยูนิต เป็นบ้านจัดสรรมากถึง 63% จำนวน 44,001 ยูนิต มูลค่า 205,578 ล้านบาท ขณะที่การเปิดตัวคอนโดฯใหม่มีจำนวนลดลงถึง  60% เมื่อเทียบกับในปี 2562 ที่มีจำนวนห้องชุดเปิดตัวใหม่ 64,639 ยูนิต ลดลงเหลือ  26,125 ยูนิต เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาเร่งระบายสต็อกห้องชุดคงค้างในมือที่มีจำนวนมากถึง 94,000 ยูนิตในช่วงปลายปี 2562

  

โพสที่เกี่ยวข้อง