พฤกษาฯคาดโควิด-19 ยังพ่นพิษยาว ตลาดอสังหาฯไตรมาส3/64 ยอดขาย-โอนกรรมสิทธิ์ยังชะลอตัว จากมาตรการปิดแคมป์ และล็อกดาวน์ ประกาศแผนครึ่งปีหลัง’64 เปิดอีก 15 โครงการ มูลค่ารวม 17,834 ล้านบาท ด้านคอนโดฯร่วมทุนบิ๊กอสังหาฯญี่ปุ่นประกาศชะลอตัวออกไป หันผนึกพันธมิตรไทยเจ้าของที่ดินพัฒนาโรงการรูปแบบ Turnkey ลดความเสี่ยง-ลดต้นทุน ชิมลางทำเลรามอินทรา ผุดทาวน์เฮาส์แบรนด์ “The Connect”มูลค่า 500 ล้านบาท พร้อมรุกการตลาดดิจิทัลเต็มสตีม ดักจับลูกค้าออนไลน์ครอบคลุมทุกช่องทาง มั่นใจยอดขาย-รายได้รวมตามเป้า 3,200 ล้านบาท ด้านรพ.วิมุต คาดทั้งปีรายได้มาตามนัด ผุดบริการ “Safe Save Surgery” ผ่าตัดเร่งด่วนพักฟื้นวันเดียว รับมือคนไข้ผ่าตัดที่รอไม่ได้ช่วงโควิด-19 พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเข้าใช้บริการ
 นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ในเครือ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ PSH  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ ที่ปัจจุบันยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564  โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ที่คาดว่าภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงค่อนข้างมาก จากการที่เป็นช่วงที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งมาตรการปิดแคมป์คนงาน และมาตรการล็อกดาวน์อื่นๆ ทำให้กิจกรรมต่างๆในประเทศชะลอตัวลงไป และส่งผลให้การขาย-การโอนในช่วงไตรมาส 3/64 ชะลอตัวลงตามทิศทางของตลาด
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ในเครือ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ PSH  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ ที่ปัจจุบันยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564  โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ที่คาดว่าภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงค่อนข้างมาก จากการที่เป็นช่วงที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งมาตรการปิดแคมป์คนงาน และมาตรการล็อกดาวน์อื่นๆ ทำให้กิจกรรมต่างๆในประเทศชะลอตัวลงไป และส่งผลให้การขาย-การโอนในช่วงไตรมาส 3/64 ชะลอตัวลงตามทิศทางของตลาด
 สำหรับการพัฒนาโครงการในปี 2564 นี้ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม คือ 29 โครงการ รวมมูลค่า  26,630 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก เปิดตัวไปแล้ว 14 โครงการ รวมมูลค่า 8,792 ล้านบาท  และในครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 15 โครงการ มูลค่ารวม 17,834 ล้านบาท ตามแผน แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ ราคา 1.5-3 ล้านบาท ,บ้านเดี่ยว จำนวน 4 โครงการ ระดับราคาประมาณ 5-20 ล้านบาท และคอนโดฯ  3 โครงการ ปัจจุบันเปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการจะพัฒนาในทำเลพระราม2 และดอนเมือง ซึ่งล้วนเป็นเซกเมนต์ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากโควิด-19 และลูกค้าให้การตอบรับในการซื้อที่ดีมาต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นโครงการที่บริษัทขายและสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับการพัฒนาโครงการในปี 2564 นี้ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม คือ 29 โครงการ รวมมูลค่า  26,630 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก เปิดตัวไปแล้ว 14 โครงการ รวมมูลค่า 8,792 ล้านบาท  และในครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 15 โครงการ มูลค่ารวม 17,834 ล้านบาท ตามแผน แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ ราคา 1.5-3 ล้านบาท ,บ้านเดี่ยว จำนวน 4 โครงการ ระดับราคาประมาณ 5-20 ล้านบาท และคอนโดฯ  3 โครงการ ปัจจุบันเปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการจะพัฒนาในทำเลพระราม2 และดอนเมือง ซึ่งล้วนเป็นเซกเมนต์ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากโควิด-19 และลูกค้าให้การตอบรับในการซื้อที่ดีมาต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นโครงการที่บริษัทขายและสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
 ส่วนแผนการร่วมทุนพัฒนาคอนโดฯกับบิ๊กอสังหาฯจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสุขภาพนั้น คงต้องชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่ได้ปรับแผนไปเน้นการร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน( Landlord) ในรูปแบบของ Turnkey ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง และลดต้นทุนที่ดินด้วย ขณะนี้มีการเจรจากับเจ้าของที่ดินอยู่หลายราย แต่จะเริ่มทดลองโครงการแรกก่อนกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจรับซื้อสินทรัพย์และขายสินทรัพย์ต่อ ด้วยการนำที่ดินย่านรามอินทราม ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ บนพื้นที่ 30 ไร่ มาพัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ แบรนด์ “The Connect” ระดับราคาประมาณ 2-3 ล้านบาท จำนวนประมาณ 300-400  ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดพรีเซลประมาณไตรมาส 4/2564 นี้ หากประสบความสำเร็จ ก็จะดำเนินธุรกิจการร่วมทุนแบบ Turnkey อย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนการร่วมทุนพัฒนาคอนโดฯกับบิ๊กอสังหาฯจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสุขภาพนั้น คงต้องชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่ได้ปรับแผนไปเน้นการร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน( Landlord) ในรูปแบบของ Turnkey ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง และลดต้นทุนที่ดินด้วย ขณะนี้มีการเจรจากับเจ้าของที่ดินอยู่หลายราย แต่จะเริ่มทดลองโครงการแรกก่อนกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจรับซื้อสินทรัพย์และขายสินทรัพย์ต่อ ด้วยการนำที่ดินย่านรามอินทราม ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ บนพื้นที่ 30 ไร่ มาพัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ แบรนด์ “The Connect” ระดับราคาประมาณ 2-3 ล้านบาท จำนวนประมาณ 300-400  ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดพรีเซลประมาณไตรมาส 4/2564 นี้ หากประสบความสำเร็จ ก็จะดำเนินธุรกิจการร่วมทุนแบบ Turnkey อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันในครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทยังคงเดินหน้าทยอยขายสต๊อกโครงการพร้อมโอนที่เหลืออยู่มูลค่าประมาณ 8.000 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะพยายามขายสต๊อกให้เกือบหมดให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ หลังจากที่บริษัทเดินหน้าระบายสต๊อกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ทำให้สต๊อกลดลงไปค่อนข้างมากช่วงต้นปีที่มีสต๊อกมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท แต่การที่บริษัทเร่งการระบายสต๊อกออกไปมีผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2564 ปรับลดลงมาเล็กน้อยที่ 27-28% จากปกติที่มากกว่า 30% เนื่องจากการระบายสต๊อกต้องมีการทำโปรโมชั่นราคาพิเศษให้กับลูกค้า เพื่อกระตุ้นการซื้อ ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลงมาบ้าง แต่การระบายสต๊อกที่ลดลงไปมากช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ (SG&A) ปรับลดลงไปมากเหลือ 14-15% จากเดิมที่ 18-19% ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทลงในระยะยาว
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าแนวโน้มของผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านยอดโอนที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีมากขึ้น เพราะบริษัทฯจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่เข้ามามากถึง 7 โครงการ ซึ่งมียอดขายแล้ว 6,000 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ที่ผ่านมา แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีการชะลอตัวจากวิกฤติโควิด-19 แต่ด้วยที่อยู่อาศัยยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่เป็นพื้นฐานสำคัญและตลาดยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่ผ่านมาพฤกษาฯมีการปรับตัวเน้นการใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับจัดแคมเปญส่งเสริมตลาดให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ทำให้ยังคงรักษาการเติบโตได้ดี โดยในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนบริษัทฯ ทำยอดขาย 7,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% ทำรายได้ 6,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% และมีกำไรสุทธิ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และสามารถลดสินค้าคงค้าง (Inventory) ลงไปได้ถึง 58% พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 9 โครงการ ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 มียอดขายรวม 14,165 ล้านบาท เติบโต 48% มีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ 13,222 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกที่ 1,034 ล้านบาท
 อย่างไรก็ตามบริษัทฯคาดว่าแนวโน้มของผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านยอดโอนที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีมากขึ้น เพราะบริษัทฯจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่เข้ามามากถึง 7 โครงการ ซึ่งมียอดขายแล้ว 6,000 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาผลักดันการฟื้นตัวขึ้นอย่างโดดเด่นให้กับยอดโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้
อย่างไรก็ตามบริษัทฯคาดว่าแนวโน้มของผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านยอดโอนที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีมากขึ้น เพราะบริษัทฯจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่เข้ามามากถึง 7 โครงการ ซึ่งมียอดขายแล้ว 6,000 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาผลักดันการฟื้นตัวขึ้นอย่างโดดเด่นให้กับยอดโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้
 ทั้งนี้หลังจากมีการปลดล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้าง บริษัทฯ ได้กลับมาเร่งงานก่อสร้างต่อภายใต้มาตรการ Bubble and Seal ซึ่งในครึ่งปีหลังมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 7 โครงการและจะทยอยส่งมอบในปีนี้  ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้ายอดขายและรายได้ที่วางไว้ 32,000 ล้นบาท นอกจากนี้ยังเน้นเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านทางออนไลน์ให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ควบคู่กับการออกแคมเปญให้ตรงกับความต้องการลูกค้า โดยในไตรมาส 3 ได้ร่วมกับ “เอไอเอส” ออกแคมเปญ “โปรแรงขั้นสุด ชีวิตสนุกกว่า” ที่ให้ลูกค้าอยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน ฟรีค่าส่วนกลางสูดสุด 36 เดือน ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ และส่วนลดต่าง ๆ แล้ว ลูกค้ายังจะได้รับแพ็กเกจสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้านเอไอเอส ไฟเบอร์ พร้อมด้วยบริการ AIS PLAY  ฟรีอีก 1 ปี ซึ่งเป็นความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในบ้านที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น
ทั้งนี้หลังจากมีการปลดล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้าง บริษัทฯ ได้กลับมาเร่งงานก่อสร้างต่อภายใต้มาตรการ Bubble and Seal ซึ่งในครึ่งปีหลังมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 7 โครงการและจะทยอยส่งมอบในปีนี้  ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้ายอดขายและรายได้ที่วางไว้ 32,000 ล้นบาท นอกจากนี้ยังเน้นเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านทางออนไลน์ให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ควบคู่กับการออกแคมเปญให้ตรงกับความต้องการลูกค้า โดยในไตรมาส 3 ได้ร่วมกับ “เอไอเอส” ออกแคมเปญ “โปรแรงขั้นสุด ชีวิตสนุกกว่า” ที่ให้ลูกค้าอยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน ฟรีค่าส่วนกลางสูดสุด 36 เดือน ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ และส่วนลดต่าง ๆ แล้ว ลูกค้ายังจะได้รับแพ็กเกจสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้านเอไอเอส ไฟเบอร์ พร้อมด้วยบริการ AIS PLAY  ฟรีอีก 1 ปี ซึ่งเป็นความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในบ้านที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น
“จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กดดันภาคอสังหาฯและธุรกิจในปีนี้ พฤกษายังเดินตามแผนและเป้าหมายของบริษัท เรายังคงเป้ายอดขายและรายได้ที่ 3,200 ล้านบาท และเปิดโครงการตามแผนที่ตั้งไว้ ยังไม่มีการเลื่อนเปิด ซึ่งเราก็เตรียมแผนการรับมือมาค่อนข้างดี ทำให้มองว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจอสังหาฯของพฤกษาจะไม่กระทบมาก และก็ยังมี Backlog อีกกว่า 22,877 ล้านบาท ที่เข้ามารองรับรายได้ให้กับบริษัท”นายปิยะ กล่าวในที่สุด

ด้านนายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าธุรกิจโรงพยาบาลวิมุต ว่า ขณะนี้ได้เปิดศูนย์บริการต่าง ๆ อาทิ เช่น ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์สมองและประสาท ศูนย์สุขภาพ ศูนย์ผิวหนังและความงาม โดยในช่วงโควิด-19 โรงพยาบาลวิมุต ได้เปิดตัวบริการ “Safe Save Surgery” ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลานอนพักฟื้นระยะสั้น โดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ล่าสุด และควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม โดยสามารถผ่าตัดได้หลากหลาย อาทิ นิ่วในถุงน้ำดี เนื้องอกมดลูก ผ่าตัดถุงน้ำรังไข่ ไส้เลื่อน ริดสีดวงทวาร ต่อมลูกหมากโต ต้อกระจก เป็นต้น ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากพักฟื้นเพียงวันเดียว หรือเท่าที่จำเป็น โดยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางรักษาและฟักฟื้น และตกลงค่าใช้จ่ายในราคาพิเศษ เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้กับคนไข้ นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงปัจจุบัน รพ.วิมุตได้ร่วมมือกับภาครัฐ เช่น กรมควบคุมโรค กระทรวงต่างประเทศ ฯลฯ จัดฉีดวัคซีนตามนโยบายรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวนมากกว่า 50,000 เข็ม แล้ว ในด้านความคืบหน้าของการเปิดจองวัคซีนโมเดอร์น่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลปิดรับจองและดำเนินการสั่งซื้อวัคซีนจากองค์การเภสัชกรรมเรียบร้อยแล้วครบตามจำนวนโดสสำหรับผู้ที่จองและชำระเงินตามกำหนดเวลา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดสรรลำดับการฉีดวัคซีน จะทยอยเข้ารับวัคซีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป (ตามกำหนดการส่งมอบวัคซีนจากบริษัทฯ)
 ในปีนี้โรงพยาบาล ซึ่งเปิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 จะสามารถทำรายได้ทะลุเป้าเดิม 375 ล้านบาท ไปเป็น 500 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตในปีถัดไป ประมาณ 15-20% ส่วนการลงทุน ViMUT Health Center ที่โครงการ Pruksa Avenue ในย่านบางนา-วงแหวน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาท ขนาด 50 เตียง ซึ่งจะเป็นศูนย์สุขภาพ ที่ครอบคลุมบริการที่หลากหลาย อาทิ คลินิก ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565
ในปีนี้โรงพยาบาล ซึ่งเปิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 จะสามารถทำรายได้ทะลุเป้าเดิม 375 ล้านบาท ไปเป็น 500 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตในปีถัดไป ประมาณ 15-20% ส่วนการลงทุน ViMUT Health Center ที่โครงการ Pruksa Avenue ในย่านบางนา-วงแหวน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาท ขนาด 50 เตียง ซึ่งจะเป็นศูนย์สุขภาพ ที่ครอบคลุมบริการที่หลากหลาย อาทิ คลินิก ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565
นอกจากนี้โรงพยาบาลวิมุตยังมีมาตรฐานเพิ่มความอุ่นใจเมื่อมาใช้บริการ ได้แก่ ระบบคัดกรองก่อนเข้าอาคารหากพบว่ามีความเสี่ยงกับเรื่องโควิด-19 จะพาเข้าตรวจรักษาที่ห้องความดันลบบริเวณ ER และด้านนอกมีระบบกรองอากาศโดย HEPA Filter และฆ่าเชื้อด้วย UVC เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไม่ให้เข้าสู่อาคาร, ที่นั่งพักรอของแผนกและศูนย์ต่างๆ ซึ่งมีพื้นที่โล่งกว้าง ลดความแออัด, ระบบปรับอากาศภายในอาคารป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งจะปรับระดับความดันภายในอาคาร ความชื้นและอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม, เติมอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่อาคาร 100% ด้วยการกรองอากาศทุก 2 ครั้งต่อชั่วโมง เพิ่มการหมุนเวียนของอากาศ ลดการสะสมของเชื้อโรค, ยกระดับความสะอาดภายในห้องตรวจต่างๆ การไหลเวียนของอากาศให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมทีมแพทย์สหสาขาและเครื่องมือที่ทันสมัย ยืนหยัดให้บริการดูแลสุขภาพในทุกสถานการณ์
 
															
 
															 สำหรับ
สำหรับ




