แคปปิสตอล วัน พาร์ทเนอร์ฯ ยิ้มระดมทุนกว่าพันล้านบาท ยอดจองหุ้นไอพีโอล้น สะท้อนปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่งตัวพร้อมรอเข้า SET ก่อนสิ้นปี 64 คาดได้รับความสนใจต่อเนื่อง
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค / ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ภายในสิ้นปี 2564 นี้ และภายหลังการระดมทุน NV จะสามารถสร้างการเติบโตในการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV กล่าวว่า หลังจากบริษัทฯ เปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.90 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท คิดเป็น P/E ที่ 11.07 เท่า เมื่อวันที่ 15-17 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวนและมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยการเติบโตที่แข็งแกร่งของ NV ที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
“นักลงทุนมีความสนใจและให้การตอบรับหุ้น NV เป็นอย่างดี ประกอบกับราคาหุ้น IPO ที่ราคา 6.90 บาท ถือเป็นราคาที่มีความเหมาะสมและมีส่วนลดในระดับที่ดีมากให้กับนักลงทุน สะท้อนได้จากยอดจองหุ้นที่มีเข้ามาอย่างล้นหลามตั้งแต่วันแรกที่เปิดทำการจองซื้อ คาดว่าหลังเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หุ้น NV ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต” นายกิตติพันธ์ กล่าว
นายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ทำให้การเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยจำนวนเงินที่ได้จากการเปิดจองซื้อหุ้น บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้น 1,035 ล้านบาท จะนำไปใช้ลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ สำหรับขยายพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า ประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2567 ใช้สำหรับปรับปรุงโรงงานเดิมเพื่อการผลิตสินค้าประเภทสมุนไพรและโรงงานสกัดสารสมุนไพร ประมาณ 35 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2566 ใช้ปรับปรุงอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2565 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากความสามารถในการทำกำไร และอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับช่องทางการเติบโตที่มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในตลาดยังคงเป็นที่นิยม โดยเชื่อมั่นว่าปีนี้จะสามารถดำเนินแผนงานให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ และเตรียมพร้อมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับออกสู่ตลาดในปีหน้า เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและครอบคลุมความต้องการของตลาดที่มีต่อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายนวพล กล่าวในที่สุด
