“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”เปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯ-ที่ปรึกษาพร้อมลุยงาน 214 นโยบาย

วันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนที่ 17 ที่ได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมาจำนวน 1,386,215 คะแนน ได้ถือฤกษ์งามยามดีเวลา 13.19 น. สักการะสิ่งศักด์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกทม. ประกอบด้วย พระพุทธนวราชบพิตร ศาลพระภูมิ “หลวงปู่มงคลประสาท” ศาลจีน “เจ้าพ่อเพ่งนั้มกิมไช” พระพุธชินราช รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างเป้นทางการ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประกาศผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้เดินทางมามอบประกาศผลรับรองการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ให้กับปลัดกรุงเทพมหานคร พร้องลงนามในหนังสือมอบหมายงานต่างๆ โดยจะเน้นการทำงานที่โปร่งใสและมีความสุจริต โดยยึดหลักการทำงานแบบ Radicle Trancsparenc เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสอบถามได้หากมีข้อสงสัย

สำหรับคณะทำงานของทีมผู้ว่าฯกทม.ชุดนี้ ประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 4 ท่าน ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรโยธา และรองอธิการบดีกำกับดูแลด้านการจัดการทรัพย์สินและนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองปลัดและรองผู้ว่ากทม.,ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทวิดา กมลเวชช  ผุ้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการจัดการภัยพิบัติ ปัจจุบันเป็นคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายศานนท์ หวังสร้างบุญ ผู้ก่อตั้ง Once Again Hostel อายุ 33 ปี  ซึ่งเป็นรองผู้ว่าฯกทม.ที่อายุน้อยที่สุดในทีม

ส่วนเลขานุการคือ นายภิมุข สิมะโรจน์ อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย เเละประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัสโก้ จำกัด(มหาชน) ขณะที่ ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รับตำแหน่งเป็นทีมที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีทั้งหมด 9 คน โดยดร.เกษรา จะเข้ามาเป็นประธานด้านยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันนโยบาย 214 ข้อ โดยจะดูแลด้านการกำหนดกลยุทธ (strategy) และการเงิน

สำหรับแผนงานเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งมี 4 งานหลัก คือ  การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนนี้ โดยมอบหมายให้รองผู้ว่าฯ ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล เป็นผู้รับผิดชอบ

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยบนทางถนนและทางม้าลาย และปัญหาเรื่องหาบเร่แผงลอย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการผ่อนผันให้มีการค้าขายบนทางเท้าได้ โดยจะต้องมีการหาข้อสรุปและทางออกร่วมกันเพื่อหาจุดที่สมดุลย์ว่าอยู่ตรงไหน

ขณะที่ปัญหาใหญ่เรื่องสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ยังไม่มีข้อสรุป โดยในวันที่ 2 มิถุนายนนี้จะเชิญกรุงเทพธนาคมเข้ามาให้ข้อมูลในเรื่องของสัญญาต่างๆ เพื่อนำข้อมูลไปหารือกับรัฐบาลต่อไป

 

โพสที่เกี่ยวข้อง