
พฤกษา โฮลดิ้ง แจงผลประกอบการไตรมาส 2 มีรายได้รวม 5,389 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 430 ล้านบาท มั่นใจถึงสิ้นปีทำยอดขายและยอดโอนได้ตามเป้า ช่วงครึ่งปีหลังมีคอนโดฯสร้างเสร็จพร้อมโอน 7โครงการมูลค่ากว่า 5 พันล้าน พร้อมลุยเปิดตัว 23 โครงการใหม่กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าตามการลงทุน แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ตั้งบริษัทร่วมทุนให้บริการด้านโซลาร์เซลล์ พร้อมเปิดบริการ “วิมุต เวลเนส” แห่งแรกในโครงการพฤกษา อเวนิว ย่านบางนา-วงแหวน
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 5,389 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 430 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มียอดขาย 6,342 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 19% และยอดโอน 5,101 ล้านบาท
ทำให้ในช่วงครึ่งงปีแรกบริษัททำยอดขายรวมได้ 11,686 ล้านบาท และยอดโอน 10,137 ล้านบาท ซึ่งตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 31,000 ล้านบาท และยอดโอน 33,000 ล้านบาท โดยบริษัทมั่นใจว่าจะทำยอดขายและยอดโอนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะมียอดขายรอรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอนจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการพลัม คอนโด รังสิต เฟรซ,แชปเตอร์ เจริญนคร ริเวอร์ไซด์,เดอะ ไพรเวซี่ จตุจักร,พลัม คอนโด สุขุมวิท 62 และแชปเตอร์ จุฬา-สามย่าน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบ้านเดี่ยวรอโอนอีก 5,500 ล้านบาท
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้เปิดโครงการในครึ่งปีแรก 8 โครงการ มูลค่ารวม 3,627 ล้านบาท เป็นบ้านแนวราบทั้งหมด แบ่งเป็นโครงการบ้านพฤกษา 5 โครงการ มูลค่า 2,884 ล้านบาท พฤกษาวิลล์ 2โครงการมูลค่า 1,600 ล้านบาท และบ้านภัสสร 1โครงการ มูลค่า 727 ล้านบาท
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 23 โครงการ แบ่งเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 15 โครงการ บ้านเดี่ยว 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 12,700 ล้านบาท

ทั้งนี้กลุ่มพฤกษานยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานเพื่อสร้างความเติบโตภายใต้กรอบแนวคิด “พฤกษา…ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต Tomorrow. Reimagined.” โดยให้ความสำคัญกับ 3 แกนหลักที่เปลี่ยนแปลงตามเมกะเทรนด์โลก ได้แก่ เทรนด์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง (lifestyle Disruption) เทรนด์ความใส่ใจเรื่องสุขภาพ (Health & Wellness) และการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Development)
โดยล่าสุดได้จับมือกับบริษัทกันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด” สัดส่วนการถือหุ้น 50:50 เพื่อต่อยอดและสร้างจุดแข็งใหม่สำหรับโครงการของพฤกษา โดยมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้ง Solar Roof มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท ทั้งการขายติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ ( EPC) และการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ มีผลตอบแทนส่วนลดค่าไฟในระยะยาว (PPA) เพื่อช่วยลูกค้าลดเงินลงทุน และได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยคิดอัตราค่าไฟฟ้าที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าได้ด้วย โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าได้กว่า 12,500 ครัวเรือน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 126,000 ตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ยังมีแผนทดลองเปิดตัวโมเดลหมู่บ้านที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ทดแทนการใช้ไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 3-4 นี้ไปจนถึงการขยายสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีจัดเก็บพลังงานในอนาคตอีกด้วย

ส่วนการลงทุนด้านสุขภาพ (Health & Wellness) ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน จำนวน 203 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 26% ล่าสุดได้ขยายบริการไปนอกโรงพยาบาล สร้างศูนย์ดูแลและฟื้นฟูสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ “วิมุต เวลเนส” ย่านบางนา-วงแหวน ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการพฤกษา อเวนิว บางนา วงแหวน โดยได้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยตั้งแต่การออกแบบบ้านให้เป็นบ้านเพื่อสุขภาพ (Healthy Home) สำหรับทุกวัย ไปจนถึงให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้านด้วยแพทย์เฉพาะทาง รวมทั้งบริการผ่านระบบออนไลน์
รวมทั้งได้ร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพไทยด้าน Prop Tech และ Health Tech ผ่านโครงการการลงทุนในกิจการสตาร์ทอัพ ( Corporate Venture) โดยในครึ่งปีแรก ได้ลงทุนใน “ Naluri“ ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพดิจิทัล เฮลท์เทคจากมาเลเซีย และ “AMILI” บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในระบบทางเดินอาหารที่มีความแม่นยำแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากสิงคโปร์
 
															 
															 
				




