ที่อยู่อาศัยกทม.-ปริมณฑลไตรมาส 2เปิดขายใหม่กว่า 2.8 หมื่นยูนิต

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานผลสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2  มีอุปทานเติมเข้ามาในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่อุปสงค์เริ่มชะลอตัวในบางกลุ่มราคา และบางทำเล ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายคงค้างกว่า 1.76 แสนยูนิต มูลค่ากว่า 8.6 แสนล้านบาท ส่วนอุปทานคอนโดฯเปิดขายใหม่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีมากสุด

ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยที่เสนอขายทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ช่วงไตรมาส 2 มีจำนวน 199,949 ยูนิต มูลค่า 976,823 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 0.02% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 3.32%  ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จำนวน 28,334 ยูนิตมูลค่ารวม 136,577 ล้านบาท ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ทั้งแนวราบและอาคารชุดมีจำนวน 23,476 ยูนิต มูลค่ารวม 116,488 ล้านบาท และมีสินค้าเหลือขายในตลาดประมาณ  176,473 ยูนิต มูลค่ารวม 860,335 ล้านบาท

ทั้งนี้ในจำนวนสินค้าที่เสนอขายทั้งหมด 199,949 ยูนิต มูลค่า 9786, 23 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 119,483 ยูนิต มูลค่ารวม 624,876 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่จังหวัดปทุมธานีมากที่สุดประมาณ 31,500 ยูนิต จังหวัดสมุทรปราการกว่า 27,700 ยูนิต และกรุงเทพ 26,000 ยูนิต

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมมีจำนวน 80,466 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 351,947 ล้านบาท กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯมากที่สุดถึง 72%  รองลงมาเป็นจังหวัดนนทบุรีประมาณ 20,000 ยูนิต และปทุมธานี 8,800 ยูนิต

ทำเลลำลูกกา-คลองหลวงแชมป์บ้านแนวราบเปิดตัวมากที่สุด
โดยทำเลที่มีโครงการบ้านจัดสรรเสนอขายมากที่สุด คือ โซนลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ จำนวน 21,722 ยูนิต มูลค่ารวม 77,011 ล้านบาท โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 17,441 หยูนิต มูลค่า 104,033 ล้านบาท โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 16,771 ยูนิต มูลค่า 75,685 ล้านบาท

โซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 10,276 ยูนิต มูลค่า 38,925 ล้านบาท และโซนเมืองปทุม-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก จำนวน 9,747 ยูนิต มูลค่า 37,214 ล้านบาท

ส่วนทำเลที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเสนอขายมากที่สุด คือ โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 11,049 ยูนิต  มูลค่า 46,433 ล้านบาท โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด  จำนวน 10,157 ยูนิต มูลค่า 34,279 ล้านบาท โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ มีจำนวน 8,520 ยูนิต มูลค่า 24,977 ล้านบาท และโซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ดจำนวน  7,945 ยูนิต มูลค่า 17,872 ล้านบาท ส่วนโซนสุขุมวิทมีจำนวนห้องชุดเปิดขายในตลาดประมาณ  5,829 ยูนิต มูลค่า 66,079 ล้านบาท

คอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านเปิดตัวใหม่เกือบหมื่นยูนิต
ในส่วนของโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 28,334 ยูนิต มูลค่า 136,577 ล้านบาท กลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝดเปิดขายใหม่เพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่คอนโดฯเปิดตัวลดลง โดยมีโครงการคอนโดฯเปิดขายใหม่ 16,154 ยูนิต มูลค่า 44,586 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเปิดตัวอยู่ในโซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัดมากที่สุดจำนวน 4,339 ยูนิต มูลค่า 8,766 ล้านบาท ส่วนโซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดงมีจำนวนแค่ 1,407 ยูนิต มูลค่า 3,189 ล้านบาท  และโซนลาดพร้าว-วังทองหลาง-บางกะปิจำนวน 982 ยูนิต มูลค่า 3,039 ล้านบาท

สำหรับราคาห้องชุดที่เปิดขายใหม่จะเกาะกลุ่มอยู่ในระดับราคา 1.01-1.50 ล้านบาทจำนวน 5,045 ยูนิต และระดับราคา 2.01-3 ล้านบาท จำนวน 4,553 ล้านบาท ส่วนบ้านจัดสรรระดับราคา 3.01-5 ล้านบาทเปิดขายมากที่สุดจำนวน 4,196 ยูนิต และราคา 2.01-3 ล้านบาท จำนวน 2,854 ยูนิต

ส่วนผลสำรวจยอดขายใหม่ในช่วงไตรมาส 2 พบว่ามีจำนวน 23,476 ยูนิต มูลค่า 116,488 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกของปี 2565  ที่มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 30,070 ยูนิต มูลค่า 135,801 ล้านบาท โดยโครงการคอนโดฯขายได้ใหม่ 13,491 ยูนิต มูลค่า 51,152  ล้านบาท และบ้านจัดสรร  9,985 ยูนิต มูลค่า 65,336 ล้านบาท

สต็อกสินค้าเหลือขายคงค้างกว่า 1.76 แสนยูนิต มูลค่า 8.6 แสนล้านบาท
ส่งผลให้สินค้าเหลือขายคงค้างในตลาดช่วงไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น โดยมีหน่วยเหลือขายจำนวนทั้งสิ้น 176,473 ยูนิต มูลค่า 860,335 ล้านบาท  แบ่งเป็นคอนโดฯ 66,975 ยูนิต มูลค่า 300,795 ล้านบาท และบ้านจัดสรรจำนวน 109,498 ยูนิต มูลค่า 559,540 ล้านบาท

โดยทำเลที่มีห้องชุดเหลือขายมากที่สุด คือ โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง 9,496 ยูนิต มูลค่า 40,696 ล้านบาท ขณะที่โซนสุขุมวิทมีจำนวน 5,344 ยูนิต มูลค่า 61,151 ล้านบาท ส่วนบ้านจัดสรรที่มีหน่วยเหลือขายสูงสุดคือ โซนลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ จำนวน 20,639 ยูนิต มูลค่า 73,132 ล้านบาท โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง 15,713 ยูนิต มูลค่า 89,269 ล้านบาท  และโซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 15,700 ยูนิต มูลค่า 70,628 ล้านบาท

ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดการณ์ว่าในปี 2565 อุปทานด้านการเปิดขายโครงการใหม่จะมีจำนวน 83,608 ยูนิต มูลค่า 386,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและมูลค่าร้อยละ 62.2% และ 76.6% ตามลำดับจากปี 2564 ที่มีจำนวนสินค้าเปิดขายใหม่ 51,531 ยูนิต มูลค่า 218,948 ล้านบาท ส่วนหน่วยเหลือขายรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 203,201 ยูนิต เพิ่มขึ้น 23.2% มูลค่า 959,382 ล้านบาท  ด้านอุปสงค์คาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมีหน่วยขายได้ใหม่ประมาณ 77,223 หน่วย จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7 จากปี  2564 ที่มีจำนวน 61,914 หน่วย  ส่วนมูลค่าจะมีจำนวน 346,388 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 จากปี 2564 ที่มีจำนวน298,381 ล้านบาท

โพสที่เกี่ยวข้อง