จากกรณีของคอนโดมิเนียมหรูย่านอโศก ที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง ส่งผลให้มีผ่านมามีบางเพจออกมาเผยแพร่ว่ามี 6 คอนโดมิเนียมหรูย่านใจกลางเมืองที่เช่าพื้นที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เป็นทางเข้า–ออกโครงการ มีความเสี่ยงที่จะถูกทุบ โดย 1 ในจำนวนดังกล่าวคือ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา–ลาดพร้าว” ซึ่งพัฒนาโดย บริษัท วิซดอม พินนาเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(MQDC)
![](https://prop2morrow.com/wp-content/uploads/2023/07/8716EB66-8837-4052-8F1E-53A63FFD9988.jpeg)
โดยนายอัษฎา แก้วเขียว กรรมการ บริษัท วิซดอม พินนาเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(MQDC)ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ “วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา–ลาดพร้าว” เปิดเผยว่า ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงของโครงการ“วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา–ลาดพร้าว”ดังนี้ -ข้อเท็จจริงของที่ดินโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา–ลาดพร้าว
โครงการ “วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา–ลาดพร้าว” ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 13046 และ 13062 ซึ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 13046 เป็นที่ดินที่มีการเชื่อมทางเข้า–ออกของโครงการสู่ถนนลาดพร้าว มีสิทธิเดิมสามารถขึ้นอาคารขนาดใหญ่พิเศษและอาคารสูงตามกฎหมายควบคุมอาคารได้อย่างถูกต้องอยู่แล้ว เพราะมีด้านหน้าของที่ดินเกินกว่า 12 เมตรติดถนนสาธารณะคือถนนลาดพร้าวมาตลอด ถือเป็นสิทธิดั้งเดิมที่เจ้าของที่ดินมีอยู่แต่ต้น
-ทางเข้า–ออกของโครงการ
เมื่อมีโครงการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ทางรฟม.ได้ออกประกาศเรื่อง กำหนดประเภทการขออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นทางผ่าน เพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน สามารถใช้ที่ดินของ รฟม.ที่เวนคืนมานั้นเป็นทางผ่านของที่ดินออกสู่ถนนสาธารณะ เพื่อพัฒนาที่ดินเป็นโครงการอาคารขนาดใหญ่พิเศษหรืออาคารสูงได้ตามสิทธิเดิมที่เคยมี
ที่ดินโฉนดเลขที่ 13046 จึงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศของ รฟม. ทุกประการ เจ้าของที่ดินได้รับใบอนุญาตให้ผ่านทางได้ตามประกาศ โดยในช่วงแรกเจ้าของที่ดินเดิมได้สิทธิผ่านเข้าออกขนาดกว้าง 4.5 เมตร ตามขนาดความต้องการใช้ประโยชน์ประเภทบ้านอยู่อาศัย และภายหลังเจ้าของที่ดินเดิมได้แจ้งความประสงค์เปลี่ยนประโยชน์การใช้ที่ดินเป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารขนาดใหญ่พิเศษและอาคารสูง จึงได้รับอนุญาตให้ขยายขนาดทางเข้า–ออกและอนุญาตให้ผ่านทางเป็น 12.5 เมตร ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บริษัทฯยังไม่ได้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน และใบอนุญาตที่ออกตามประกาศของ รฟม. จึงยังคงมีผลบังคับใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินมาจากเจ้าของเดิมในปี 2557 บริษัทฯ จึงได้รับโอนสิทธิในการพัฒนาที่ดินและสิทธิในการใช้ที่ดินของ รฟม.เป็นทางผ่านต่อมาจากเจ้าของที่ดินเดิมอย่างสมบูรณ์