“วัน ออริจิ้น”เชื่อรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน”ช่วยดันภาคอสังหาฯ หนุนท่องเที่ยวโต คาดปี 67 นักท่องเที่ยวแตะ 40 ล้านคน ล่าสุดผนึก “โนมูระ”พันธมิตรญี่ปุ่น เปิดตัว“วัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24” โครงการมิกซ์ยูส “โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท” แบรนด์โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีทแห่งที่ 2 ในไทย-เอเชียแปซิฟิก จากเครือโรงแรมระดับโลก IHG ครอบคลุมบริการการเข้าพักระยะยาว พร้อมคอมมูนิตี้มอลล์แบรนด์ใหม่ “เนเบอร์ 24” ตอบโจทย์การพักผ่อน-แฮงเอาท์ของเพื่อนบ้าน-นักธุรกิจ-Expat ย่านสุขุมวิท-พระราม 4 

นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด(มหาชน)หรือ ONEO ซึ่งเป็นบริษัทแกนนำหลัก (Flagship Company) ของกลุ่มบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI ในการประกอบธุรกิจพัฒนาและดำเนินกิจการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) และอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง(Recurring Income) เปิดเผยว่า จากการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ทำให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนว่านายกฯมีมุมมองและเข้าใจธุรกิจอสังหาฯได้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงวิกฤติโควิด-19 ผ่านมา ภาคธุรกิจล้วนประสบปัญหา ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้คือ จะมีนโยบายที่สนับสนุนจากการท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้งจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย รวมไปถึงในปี 2567 เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นแตะที่ระดับ 40 ล้านคน เพราะการเปิดฟรีวีซ่าให้ชาวต่างชาติ ทำให้ประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวมากพอสมควร โดยเฉพาะลูกค้าจีนและอินเดียว ที่ขณะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

“ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 นักท่องเที่ยวที่มากไทยมากสุดคือ มาเลเซีย คิดเป็นสัดส่วน 16% รองลงมาคือ จีน 11%,รัสเซีย 7%,เกาหลีและอินเดีย ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 6%”นายปิติ กล่าว

ล่าสุดได้เปิดโครงการวัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24 (One Origin Sukhumvit 24) โครงการมิกซ์ยูสโรงแรมและคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้การร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ

โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-2-35 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร 24 ชั้น 1 อาคาร และอาคาร 30 ชั้น 1 อาคาร ผสมผสานระหว่าง 2 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

1.โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท (Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit) แบ่งเป็นโรงแรม จำนวงน 155 ห้อง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 256 ห้อง จากทั้งหมด 411 ห้อง บริหารโดยเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) แบรนด์ Staybridge Suites แห่งที่ 2 ในไทยและเอเชียแปซิฟิก โดยโรงแรมปล่อยเช่าในราคา 4,000-4,500 บาท/คืน และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ราคา 80,000-12,000 บาท/เดือน ซึ่งอยู่ในเรทราคาที่สูงกว่าคู่แข่งในย่านเดียวกันเล็กน้อย-ปานกลาง เพราะมั่นใจในศักยภาพของทำเลและการบริการ ขณะนี้มีลูกค้าให้ความสนใจเข้าพักโรงแรมยอด โดยจองลูกค้าชาวญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นคนไทย ส่วนการเข้าพักในเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์นั้น ส่วนใหญ่เน้นเช่าระยะยาว สัดส่วนถึง 60% (เป็นชาวญี่ปุ่น 80 %) และเช่าระยะสั้น สัดส่วน 40%

“ขณะนี้ตลาดญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลให้มีผู้เข้าเช่าทั้งโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มากขึ้น ส่วนตลาดาจีนยังไม่กลับมาเต็มที่ คาดว่าจะกลับมามากขึ้นประมาณไตรมาส 4/2566 หรือไตรมาส 1/2567 แต่สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือธุรกิจโรงแรมมีรายได้ที่มากขึ้น จากการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น  แม้จะไม่เท่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 ก็ตาม”นายปิติ กล่าว

นายปิติ กล่าวเพิ่มมา บริษัทฯหวังมุ่งสร้างประสบการณ์การพักผ่อนภายใต้คอนเซ็ปต์ “We Are Your Home Away from Home” จำนวนห้องพักรวม 411 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 28-70 ตารางเมตร มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก พื้นที่ส่วนกลาง และบริการตอบโจทย์การเข้าพักทั้งระยะสั้น(Short-stay) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนระยะยาว (Long-stay) ของผู้บริหารและพนักงานบริษัทข้ามชาติ (Expat) ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย อาทิ ห้องประชุม, Co-working space, Business Center, สระว่ายน้ำ, ออนเซน, ห้อง Golf Simulator และมีนโยบายการเข้าพักแบบ Pet-friendly 2.เนเบอร์ 24 (Neighbor 24) คอมมูนิตี้มอลล์ ขนาด 8 ชั้น (ชั้น B1-7F) พื้นที่รวมประมาณ 4,380 ตารางเมตร เปิดให้บริการตั้งแต่10.00-22.00 น. ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เพื่อนบ้านของคุณ” รวบรวมแบรนด์ร้านอาหาร ร้านค้า บริการ และไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์คนรักไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น โดยเจ้าของชาวญี่ปุ่น อาทิ ยูเอฟเอ็ม ฟูจิ ซูเปอร์มาร์เก็ต (UFM Fuji Super Market) แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตดังจากญี่ปุ่น สาขาที่ 5 ในไทย, ร้านทงคัตสึ โคเซกิ (Tonkatsu Koseki) ร้านทงคัตสึโดยเจ้าของและเชฟชาวญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ร้านทงคัตสึในเกียวโตกว่า 20 ปี, ร้านโดรายะ (Doraya) ร้านอาหารญี่ปุ่นจากฮ่องกงที่นำฮงมากุโร่มาเป็นจุดขาย, คาเฟ่ คาลดี้ (Café Kaldi) คาลดี้ คอฟฟี่ ฟาร์ม (Kaldi Coffee Farm) ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเมล็ดกาแฟที่มีสาขาถึง 165 สาขาทั่วญี่ปุ่น,  อิจิริน เจแปนนิส สไตล์ เอสเทติก (Ichirin Japanese Style Esthetics) บริการ Spa & Wellness ครบวงจรที่มาพร้อมนวัตกรรมการพัดคลื่นความร้อนแบบโรริวอัฟกู๊สซาวน่า (Löyly Aufguss Sauna) ขณะเดียวกัน ยังมีร้านค้าและบริการคุณภาพจากในเครือ ORI อาทิ ออริจิ้น เฮลท์แคร์ เซ็นเตอร์ (Origin Healthcare Center) ศูนย์บริการด้านสุขภาพและความงามในรูปแบบคลินิกเมดิเพล็กซ์ (Mediplex) เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายด้านสุขภาพทั้งการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน(Preventive Service) และบริการที่ตอบโจทย์การมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Wellness) โดยมีบริการด้านสุขภาพและความงาม, คลินิกทันตกรรม และคลินิกดูแลด้านเส้นผม เอเวอรี่เดย์ เฮาส์ (Everyday Haus) ร้านสินค้าตกแต่งบ้านจากวายด์ อินทีเรีย ในเครือบริษัท พรีโม เซอร์วิส​ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI

“ด้วยทำเลที่ตั้งในย่าน CBD ที่เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วนไปยังนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ประกอบกับความแข็งแกร่งของพันธมิตรและร้านค้าต่างๆ เรามั่นใจว่า วัน ออริจิ้น สุขุมวิท24 จะมีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทั้งนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพักแบบครอบครัว คู่รัก ภาคธุรกิจ ไปจนถึงผู้เข้าพักระยะยาว หรือ Long-Stay” นายปิติ กล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมา โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท กรุงเทพ ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor) แบรนด์ Staybridge Suites แห่งแรกในไทยและเอเชียแปซิฟิก ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยในปี 2565 สูงถึงราว 88% ขณะที่โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท ภายในโครงการวัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24 ก็ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมียอดจองล่วงหน้าก่อนการเปิดให้บริการตึกใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายนาโอมิ เอนโดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนมุระ เรียล เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น กล่าวว่า ตนยังมีความมั่นใจอสังหาฯไทย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงการและทำเลที่พัฒนา ส่วนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยก็มีผลบ้างในบางส่วน แต่ก็มั่นใจว่าอัตราการขายก็ยังมีการเติบโตที่ดี และมองว่าการที่นายเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จะช่วยซัพพอร์ตภาคธุรกิจอสังหาฯ ส่วนนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงนั้นก็เห็นด้วย แต่นั่นก็จะทำให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาขายที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงตามด้วย

“หวังว่าหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกฯแล้ว ก็อยากให้การเมืองมีเสถียรภาพ และมองว่าปัญหาที่สำคัญคือราคาที่ดินและรายได้ของลูกค้า หากมองธุรกิจกับเศรษฐกิจ ก็เทียบได้ไก่กับไข่ โดยมองว่าช่องว่างราคาที่ดินกับเงินรายได้ของคนไทยยังห่างกันมาก ผู้ประกอบการจึงพัฒนาคอนโดฯที่มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ คนไทยจึงจะมีความสามารถซื้อได้ ขณะเดียวกันในพื้นที่ซีบีดี นักลงทุนก็จะมีน้อยลง ส่วนพื้นที่ชานเมืองคนไทยที่ยังมีกำลังซื้อสูงก็ยังซื้อได้ ขณะที่คอนโดฯราคาต่ำก็ต้องระวังกำลังซื้อ เพราะดอกเบี้ยมีการปรับอัตราสูงขึ้น แต่เชื่อว่าตลาดคอนโดฯยังมีศักยภาพ หากมีการเลือกการพัฒนารูปแบบโครงการและทำเลที่เหมาะสม ส่วนธุรกิจโรงแรมก็ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในอนาคตยังมีความสดใสแน่นอน”นายนาโอมิ กล่าว

นายนายโอมิ กล่าวเพิ่มเติมถึง โครงการ “วัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24” ว่านับเป็นโครงการที่สร้างรายได้ประจำแห่งที่ 2 ภายใต้การร่วมทุนระหว่างโนมูระและวัน ออริจิ้น ที่เปิดให้บริการในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทมั่นใจในพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแผนการดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างวัน ออริจิ้น และมีความเชื่อมั่นในแบรนด์คุณภาพของเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล และศักยภาพของทำเลย่านพร้อมพงษ์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการทำงาน ท่องเที่ยว และพักผ่อนที่สำคัญบนถนนสุขุมวิท และยังเป็นทำเลที่มีความต้องการการพักอาศัยของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ
กลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น

“พร้อมพงษ์คือย่านศูนย์กลางชาวต่างชาติที่มีความต้องการใหม่ๆ ต่อเนื่อง เรามีทั้งโรงแรมที่ตอบโจทย์องค์กรทั้งการประชุมและการเข้าพักระยะยาวอย่างสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท เรามี เนเบอร์ 24 ที่เป็นเสมือนเพื่อนบ้านที่รวบรวมร้านค้า ร้านอาหาร บริการสุขภาพ ให้ผู้คนกลับมาใช้บริการและพักผ่อนได้ทุกวัน เรามั่นใจว่าองค์ความรู้และความเข้าใจอันแข็งแกร่งของพันธมิตรในการพัฒนา วัน ออริจิ้น สุขุมวิท24 จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้เข้าพักและผู้ใช้บริการ” นายนาโอมิ กล่าว

ด้าน นายราจิต สุขุมารัน กรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี(SEAK) เครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) กล่าวว่า IHG มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความร่วมมือกับวัน ออริจิ้น เปิดให้บริการโรงแรม “สเตย์บริด สวีท แบงค็อก สุขุมวิท” โรงแรมสไตล์ที่พักอาศัย (Residential-Style Hotel) แห่งที่ 2 ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อรองรับกับความต้องการที่พักแบบระยะยาว (Long-stay) จากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพักเป็นครอบครัว คู่รัก หรือติดต่อธุรกิจในประเทศ ซึ่งมีอัตราเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ONEO และ IHG ต่างมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการมอบมาตรฐานด้านบริการแบบฟูลเซอร์วิสระดับ 4 ดาว เพื่อยกระดับประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเหนือระดับ พร้อมให้คุณได้สัมผัสกับออนเซนสไตล์ญี่ปุ่น IHG มีความภาคภูมิใจที่ได้มีบทบาทสำคัญทางเชิงกลยุทธ์ร่วมกับ ONEO ในการขยายพอร์ตโฟลิโอด้านการบริการอย่างมีเอกลักษณ์และไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรที่แตกต่างจากโรงแรมเพื่อการท่องเที่ยวทั่วไป มุ่งมั่นตอบสนองประสบการณ์การเข้าพักและการประชุมในย่านใจกลางเมือง

“ความร่วมมือระหว่าง IHG และ ONEO ในโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท ในครั้งนี้ เป็นการเสริมสร้างสัมพันธ์ที่มั่นคงของทั้งสองบริษัท และแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเราในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเชื่อมั่นว่าเรายังคงเดินทางสานต่อความร่วมมือเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง” นายราจิต กล่าวในที่สุด

อนึ่ง บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO เป็นผู้พัฒนาและดำเนินกิจการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ และอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่สร้างสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)ปัจจุบันดำเนินธุรกิจหลากหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มธุรกิจโรงแรม พัฒนาโครงการโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ พร้อมทั้งจับมือกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกเข้ามาบริหาร มีโรงแรมที่เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว อาทิ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท กรุงเทพ ทองหล่อ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท และมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพ และหัวเมืองต่างๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกและอาคารสำนักงาน รวมถึงอาคารมิกซ์ยูส ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม