Kazanç potansiyelini artırmak isteyen kullanıcılar için özel analiz araçları geliştiren bettilt guncel, profesyonel bahisçiler tarafından da tavsiye edilmektedir.

Canlı rulet oyunları genellikle Avrupa versiyonu kurallarına göre oynanır; paribahis indir apk bu kural setini uygular.

Adres engellemelerini aşmak için bahsegel kritik önem taşıyor.

Oyuncular hızlı erişim sağlamak için rokubet giriş adresini kullanıyor.

Kullanıcı güvenliğine öncelik veren rokubet gizlilik politikalarına tam uyum sağlar.

Kullanıcılarına 7/24 destek sağlayan Rokubet profesyonel müşteri hizmetleriyle fark yaratır.

Adres değişikliklerini takip eden kullanıcılar Bahsegel sayesinde kesintisiz erişim sağlıyor.

Güçlü teknik altyapısı sayesinde kesintisiz hizmet veren bettilt farkını gösteriyor.

Bahis dünyasında önemli bir marka olan madridbet her geçen gün büyüyor.

AWC เปิดเกมรุกปี’67 ลงทุนรร.เพิ่มอีกกว่า 1 พันห้องพักในกทม.-หัวเมืองท่องเที่ยว มูลค่ารวมหมื่นล้านบาท

แอสเสทเวิรด์ฯเผยปัจจัยการสู้รบภายนอกประเทศไม่กระทบยอดจองพักโรงแรมในเครือ ทั้งจ่ายค่าห้องพักสูงกว่าเดิม 15-49% เติบโตสูงสุดนับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะรัฐบาลเพิ่มความแกร่งสายการบิน-ปรับระบบบริหารจัดการเป็นระบบออนไลน์ เพิ่มความสะดวกนักท่องเที่ยว เปิดแผนปี 67 เตรียมลงทุนเปิดโรงแรมใหม่อีกกว่า 1,000 ห้อง ใน 4 ทำเล ล่าสุดผนึกททท.-พันธมิตรแบรนด์โรงแรมที่บริหารทั้ง 22 แห่งของ AWC ทั่วประเทศ ริเริ่มโครงการ “AWC Stay to Sustain” สร้างการท่องเที่ยวในประเทศอย่างยั่งยืน ระบุทุกการเข้าพัก 1 คืนโรงแรมเครือ AWC ร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น ช่วยสนับสนุนโครงการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ-รักษาผืนป่าระยะยาว เบื้องต้นใช้ระยะเวลา 9 ปี  ด้วยงบสนับสนุนปีละกว่า 15-20 ล้านบาท
นางวัลลภา ไตรโสรัส
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท แอสเสทเวิรด์ คอร์ป จำกัด(มหาชน)หรือAWC เปิดเผยถึงแนวโน้มภาพรวมตลาดโรงแรมในไตรมาส 4/2566 ว่า แม้ว่าจะมีเหตุการณ์การสู้รบของรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ปาเลสไตล์ หรือเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน นั้น ไม่ส่งผลกระทบหรือการเปลี่ยนแปลงต่อยอดจองการเข้าพักโรงแรมในเครือแต่อย่างใด แต่อาจจะมียกเลิกการเข้าพักโรงแรมย่านสาทรบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นเพียงกรุ๊ปเล็กเท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะที่ผ่านมาบริษัทฯขยายเครือข่ายลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวไปหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้าพักโรงแรมในเครือเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มหลักเป็นชาวอเมริกัน ในสัดส่วน 14-15% ,จีน 11% และที่เหลือเป็นชาติอื่นๆ ทั้งนี้สิ่งที่เห็นชัดเจนหลังวิกฤติโควิด-19 คือนักท่องเที่ยวจ่ายค่าห้องที่สูงขึ้น 15-49% ทำให้มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ที่สูงเมื่อเทียบกับก่อนปี 2562  และมีอัตราการเข้าพัก(OCC) ที่ยาวขึ้น ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมา 4 ปี

ส่วนการที่รัฐบาลประกาศศฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน นั้นยังไม่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะการจองสายการบินต้องใช้เวลาเป็นปี ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลผลักดันการเพิ่มเที่ยวบินให้มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของสายการบิน เช่น การจัดการระบบออนไลน์ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะแม้จะมีฟรีวีซ่า แต่ขั้นตอนการดำเนินการเข้าเมือง ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปี 2566 รายได้รวมจะได้เติบโตได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งจะมาทั้งจากธุรกิจโรงแรมที่โดดเด่นตามด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และ ธุรกิจอาคารสำนักงาน

สำหรับแผนการดำเนินการในปี 2567 เตรียมลงทุนเปิดโรงแรมใหม่อีกกว่า 1,000 ห้อง ใน 4 ทำเล โดยเป็นที่สุขุมวิท 1 แห่ง พัทยา 2 แห่งและหัวหิน 1 แห่ง มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโรงแรมที่ซื้อและนำมารีโนเวทใหม่
นางวัลลภา กล่าวต่อไปว่า เพื่อเป็นการสืบสานนโยบายการท่องเที่ยวยั่งยืนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมกับพันธมิตรแบรนด์โรงแรมที่บริหารโรงแรมทั้ง 22 แห่งของ AWC ทั่วประเทศ รวมห้องพักให้บริการทั้งหมด 2 ล้านคืน/ปี (Room Night) ซึ่งมีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปัญหาภาวะโลกร้อน และร่วมสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนให้ประเทศไทย โดยมุ่งสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวยั่งยืนให้กับลูกค้าผู้เข้าพักในโรงแรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวคุณภาพสำหรับนักเดินทางที่มองหาทางเลือกการท่องเที่ยวที่ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ที่เข้าไปท่องเที่ยว ริเริ่มโครงการAWC Stay to Sustain” ในวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันครบรอบการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  4 ปี ของAWC  โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้เข้าพักโรงแรมในเครือได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชนในประเทศไทย โดยทุกการเข้าพัก 1 คืนภายในโรงแรมเครือ AWC จะร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชน เพื่อสนับสนุนโครงการของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และรักษาผืนป่าในระยะยาว พร้อมส่งเสริมรายได้ให้ชุมชนที่จะเป็นผู้ดูแลป่า สอดคล้องกับแนวทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนที่ครอบคลุมมิติของสิ่งแวดล้อมชุมชน และสังคมองค์รวม ซึ่งโครงการจะมีระยะเวลาเบื้องต้น 9 ปี มีการสนับสนุนให้กับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯปีละกว่า 15-20 ล้านบาท เชื่อว่าโครงการนี้จะสร้างคุณค่าองค์รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“AWC Stay to Sustain” เป็นหนึ่งในโครงการตามกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ AWC (3BETTERs) ผ่านความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เพื่อร่วมฟื้นฟูดูแลผืนป่าในระยะยาว โดย AWC ตั้งเป้าสนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูต้นไม้ในแต่ละปีประมาณ 500,000 ต้น รวมกว่า 5,000 ไร่ สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 2,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเท่ากับการเข้าพัก 1 คืน ร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น กลับคืนสู่สังคมเท่ากับ 10 บาท จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สอดรับกับเป้าหมายระยะยาวของ AWC ในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573” นางวัลลภา กล่าว

นอกจากนี้ AWC จะร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สนับสนุนการสร้างรายได้ชุมชนด้วยการสรรหาผลิตภัณฑ์งานฝีมือจากชุมชนทั่วประเทศมาตกแต่งในโรงแรมแบรนด์พันธมิตรชั้นนำระดับโลกเครือ AWC รวมถึงการนำผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพจากชุมชนมาปรุงอาหารและเสิร์ฟให้นักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมได้ลิ้มรส เปิดโอกาสให้คนไทยได้มีโอกาสแสดงผลงานสู่สายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ควบคู่การสนับสนุนความยั่งยืนเพื่อสังคมที่มั่นคงรุ่งเรืองด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม

อีกทั้ง AWC ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก สร้างสรรค์กิจกรรมภายใต้แนวคิด ‘AWC Be Better’ เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวยั่งยืนให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนแก่โลกใบนี้ร่วมกัน อาทิ

1.BETTER PLANET โรงแรม บันยันทรี สมุย และโรงแรม บันยันทรี กระบี่ จัดโครงการชวนนักท่องเที่ยวเก็บขยะริมชายหาด สามารถเก็บขยะได้ปริมาณกว่า 7 ตัน และโรงแรมในเครือ AWC 9 โรงแรมได้ร่วมโครงการส่งต่ออาหารส่วนเกินคุณภาพดีให้แก่ชุมชน จำนวน 186,880 มื้อ ช่วยลดปริมาณขยะจากการดำเนินงานสู่บ่อฝังกลบ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 112ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เพื่อปกป้องระบบนิเวศทางธรรมชาติ (Safeguarding Natural System)

2.BETTER PEOPLE โรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ จัดโปรแกรมครัว 360 องศา เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เลือกรับประทานอาหารที่ใช้ผลผลิตจากฟาร์มออร์แกนิคของโรงแรมมาปรุงอาหาร และเยี่ยมชมฟาร์มเพื่อเรียนรู้วิธีการเกษตรแบบยั่งยืนและสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น โดยเศษอาหารที่เหลือจากการรับประทานอาหารยังถูกส่งกลับไปที่ฟาร์มเพื่อทำเป็นปุ๋ยหมัก ช่วยลดปริมาณขยะของโรงแรมและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโครงการวิสาหกิจเพื่อสังคม “เดอะGALLERY” ศูนย์กลางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชนท้องถิ่นภายในเครือโรงแรมของ AWC รวมถึง

3.BETTER PROSPERITY ที่ร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์โรงแรมสร้างสรรค์กิจกรรมวัดผลความยั่งยืนที่ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พร้อมส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน (Sustainable Consumption and Production) ตลอดจนพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ทุกภาคส่วนจะได้รับประโยชน์และคุณค่าร่วมกัน (Sustainable and Resilience Supply Chain)ทั้งนี้ AWC เชื่อมั่นว่าการรวมพลังความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและชุมชน จะช่วยสร้างพลังขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก พร้อม “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” ให้กับทุกภาคส่วนไปพร้อมกัน

​“AWC ยังตั้งเป้าให้ทุกโรงแรมและศูนย์การค้าในเครือได้รับประกาศนียบัตร โครงการ STAR ‘ดาวแห่งความยั่งยืน’ ของ ‘การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย’ ตามเป้าหมายSTGs (Sustainable Tourism Goals) ของ ททท.สะท้อนความมุ่งมั่นของ AWC ที่ดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาลที่ดีของสถานประกอบการ ควบคู่การสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่คุณค่า และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก”นางวัลลภา กล่าว

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ AWC ซึ่งมีพอร์ตโรงแรมที่หลากหลายทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองหลักทั่วประเทศที่ได้ริเริ่มโครงการเพื่อความยั่งยืนให้เป็นต้นแบบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ผ่านโครงการ “AWC Stayto Sustain” รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้นักท่องเที่ยวที่นอกจากจะได้รับความประทับใจจากการท่องเที่ยวประเทศไทยแล้ว ยังได้ร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ประเทศไทยอีกด้วย โดย ททท. สนับสนุนผู้ประกอบการให้ก้าวสู่การท่องเที่ยวที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามแผนพัฒนา BCG Model และยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการกำหนดมาตรวัดผลลัพธ์การดำเนินการที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานระดับสากล ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของ ททท. ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของภาคท่องเที่ยวไทย และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวยั่งยืนจากทั่วโลกที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน

ด้านหม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้สืบสานพระราชปณิธาน “ปลูกป่า ปลูกคน” มาเป็นเวลาเกือบสี่ทศวรรษ  มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังกับ AWC ร่วมสืบสานเจตนารมณ์การฟื้นฟูระบบนิเวศและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จึงนำประสบการณ์มาขยายผลเพื่อร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในป่า พร้อมร่วมแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมของไทยและโลกไปในคราวเดียวกัน ซึ่งการสร้างผืนป่าและอนุรักษ์ป่าไม้เป็นปัจจัยสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระดับองค์กร และในระดับประเทศ รวมถึงการลดภาวะโลกร้อนและลดอัตราการเกิดไฟป่า โดยทางมูลนิธิฯจะนำรายได้สนับสนุนจากโครงการ “AWC Stay to Sustain” ไปใช้ในการพัฒนาระบบประเมินคาร์บอนเครดิต และจัดตั้งกองทุนเพื่อชุมชนสองประเภท คือ กองทุนดูแลป่า และกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ในขณะเดียวกันปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ

 

 

โพสที่เกี่ยวข้อง