LPN เปิดตัวบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด”เฮ้าส์ 24 คูคตสเตชั่น”ส่งท้ายปี

แอล.พี.เอ็น.เปิดโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดแบรนด์ใหม่ “เฮ้าส์ 24 คูคตสเตชั่น” รองรับดีมานด์ที่อยู่อาศัยในย่านคูคต พิกัดโครงการห่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคตเพียง 3 กิโลเมตร เน้นคุณภาพงานก่อสร้างภายใต้แนวคิด ‘น่าอยู่’ ตามมาตรฐาน LPN ผ่านแกนหลัก 5 C (Comfort, Convenience, Care for well-being, Care the planet และ Community & Social) เน้นพื้นที่ใช้สอยที่เป็นสัดส่วนตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยราคาเริ่มต้น 5 ล้านเศษสำหรับบ้านเดี่ยว

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องเพื่อดันยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในปีนี้เปิดโครงการใหม่ทั้งหมด12 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “168” ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับพรีเมี่ยม และแบรนด์ “24” ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกหรือขยายครอบครัว ล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ HAUS 24 ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่อยู่อาศัยในระดับราคา 4 – 7 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ หรือผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยเพื่อขยายครอบครัว โดยโครงการมีแบบบ้านให้เลือกทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด

HAUS มีความหมายว่า ‘บ้าน’ ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่น และมีความสุขได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะบ้านเป็นที่ที่ทุกคนในครอบครัวมาอยู่ร่วมกันและแชร์ทุกช่วงเวลาดีๆ ในทุกวัน จึงเป็นที่มาของแบรนด์ HAUS 24 ที่ถอดสมการจากความต้องการของผู้อยู่อาศัย จนพัฒนากลายมาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ซีรีส์ใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุขตลอด 24 ชั่วโมง บนพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันการออกแบบที่ช่วยเติมเต็มคำว่าบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

โดยปัจจุบันแบรนด์ HAUS 24 ได้เปิดขายไปแล้ว 5 ทำเล ได้แก่ HAUS 24 KHUKHOT STATION,HAUS 24 RATCHAPHRUEK,HAUS 24 WESTGATE,HAUS 24 KAEW IN และ HAUS 24 BANGYAI ทั้งนี้บริษัทมีแผนการพัฒนาโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ HAUS 24 และ VENUE 24 ในปี 2567 บนทำเลศักยภาพต่างๆ เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกเจเนอเรชัน

ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของบริษัทแอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ระบุว่า ในทำเลย่านคูคตมีประชากรในพื้นที่ประมาณ 240,000 คน และมีประชากรแฝง 6% หรือประมาณ 14,400 คน เป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 40,000-200,000 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน โดยมีรายได้หลักจากการเป็นพนักงานบริษัท และเจ้าของกิจการ ซึ่งมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาตั้งแต่ 2-10 ล้านบาท 

โดยรูปแบบที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมเป็นบ้านพักอาศัยในกลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ที่มีขนาด 3-4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอยระหว่าง 120-220 ตารางเมตร ในระดับราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทและไม่เกิน 10 ล้านบาท บนที่ดินตั้งแต่ 42-55 ตารางวา ส่วนกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวที่มีสมาชิกหลายวัยทั้งเด็ก วัยทำงานและผู้สูงอายุ

นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบว่า ปริมาณบ้านพักอาศัยที่เหลือขายในทำเลคูคต เทียบกับความต้องการซื้อในทำเลนี้ยังมีความต้องการที่สูงกว่าปริมาณบ้านพักอาศัยที่มีอยู่ในตลาด โดยเฉพาะความต้องการบ้านแฝดและบ้านพักอาศัยในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable Price) เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับทำเลอื่นๆ ผนวกกับระบบคมนาคมและสิ่งอำนวยความสะดวกในทำเลที่เพียบพร้อม จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯในการพัฒนาโครงการในทำเลนี้

สำหรับรายละเอียดโครงการ “เฮ้าส์ 24 คูคตสเตชั่น” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสไตล์โมเดิร์น ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘The Equation of Livability’ ที่มาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นที่สามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ บนพื้นที่กว่า 23 ไร่ จำนวน 120 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 162 ตารางเมตรสำหรับบ้านแฝด และ 191 ตารางเมตรสำหรับบ้านเดี่ยว   โดยมีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว ที่ดินเริ่มต้น  50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 191 ตารางเมตร ประกอบด้วย  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่จอดรถ 2 คัน และพื้นที่ Court yard ด้านหลังสำหรับทำสวน ปลูกต้นไม้ หรือใช้เป็นที่พักผ่อนสำหรับสมาชิกในครับครัว ราคาเริ่มต้นกว่า 5 ล้านบาท

ส่วนบ้านแฝด ที่ดินเริ่มต้น 35.1 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 162 ตารางเมตร ประกอบด้วย  2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่จอดรถ 2 คัน และ Façade ด้านหน้าตกแต่งระแนงไม้ ช่วยถ่ายเทระบายอากาศ พร้อมบดบังสายตา ราคาเริ่มต้นกว่า 4 ล้านบาท

 นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง Solar Rooftop, Smart switch, จุดเชื่อมกระแสไฟฟ้าสำหรับ EV charger พรั่งพร้อมด้วยระบบความปลอดภัย Door and Window Sensor, Digital Door Lock, CCTV ทั่วโครงการ และ Smart Gateway พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

โพสที่เกี่ยวข้อง