จังหวัด นครปฐม หนึ่งในจังหวัดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องการพัฒนาโครงการอสังหาฯเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบในพื้นที่ เนื่องจากมีพื้นที่เชื่อมต่อกับกรุงเทพฯทำให้การเดินทางสะดวกทั้งเข้าสู่ใจกลางเมืองและออกต่างจังหวัด นอกจากนี้ นครปฐม กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการใช้ชีวิตทำเลฝั่งตะวันตกแห่งใหม่ด้วยเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน จังหวัดนครปฐม มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ย 38,7000 บาท สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย เป็นรองจังหวัด นนทบุรี กรุงเทพฯ และปทุมธานี และมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GPP) ของจังหวัดอยู่ที่ 366,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพเพียงพอ
นอกจากนี้ยังมีสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดสูงถึง 57% ภาคบริการ 36% และการเกษตร 7% โดยมีแรงงานในพื้นที่ราว 168,500 คน เกินกว่า 30% เป็นกลุ่มคนระดับ Management ขึ้นไป บุคลาการแพทย์ การศึกษารวมกันไม่ต่ำกว่า 20,000 คน
ขณะที่ราคาที่ดินเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีการซื้อขายที่ดินอยู่ที่ 45,000 บาทต่อตารางวา สูงขึ้น 89.40% (เทียบกับปี 2566) ขณะที่ราคาประเมินช่วง 3 ปี ปี 2566 – 2569 ราคาที่ดินอยู่ที่ 35,000 บาทต่อตารางวา สูงขึ้น 14% จากช่วงปี 2563 – 2565 และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกเกือบ 13% ขยับราคาขึ้นไปที่ 39,5000 บาทต่อตารางวา

AssetWise ปักหมุดนครปฐม เดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันพัฒนามาแล้ว 3 ทำเล ได้แก่
1.พุทธมณฑล ศาลายา
ถือเป็นโปรเจ็กต์นำร่องของ AssetWise สำหรับการพัฒนาโครงการชิมรางในจังหวัด นครปฐม บนทำเลศักยภาพใกล้มหาวิทยาลัย โดยเลือกการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ส่งแบรนด์เรือธง “KAVE” เข้าตีตลาดเป็นครั้งแรก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีทั้งหมด 2 โครงการ ประกอบด้วย

KAVE Mutant Salaya (เคฟ มิวแทนท์ ศาลายา) บนที่ดินกว่า 4 ไร่ ใกล้ ม.มหิดล ศาลายา พัฒนาเป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น 3 อาคาร จำนวนยูนิต 588 ยูนิต ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยมีรูปแบบห้องตั้งแต่ Studio ขนาด 20.59 – 1 Bedroom Plus 34.83 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท

KAVE Pop Salaya (เคฟป๊อป ศาลายา) โปรเจ็กต์ที่ 2 หลังจากโปรเจ็กต์แรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยโครงการพัฒนาบนที่ดินกว่า 2 ไร่ พัฒนาเป็น อาคารพักอาศัยสูง 7 ชั้น 1 อาคาร และอาคารพักอาศัยสูง 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 237 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
2.พุทธมณฑล สาย 7
ทำเลพุทธมณฑลสาย 7 แอสเซทไวส์ วางแผนการพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งการอยู่อาศัย ภายใต้ชื่อ Wise Park Riverside โปรเจ็กต์ติดริมแม่น้ำท่าจีน โดยวางแผนการพัฒนาโครงการในพื้นที่ทั้งหมด 3-4 โครงการ

สำหรับโปรเจ็กต์ที่เปิดเผยข้อมูลออกมาแล้วนั้น จะมีการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบ ภายใต้แบรนด์ เอสต้า ซีรีนิตี้ บรมราชชนนี (Esta Serenity Boromratchachonnani) บ้านติดริมแม่น้ำท่าจีน พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด บนพื้นที่ ประมาณ 30 ไร่ จำนวน 137 ยูนิต ขนาดที่ดิน 36-95 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 154-199 ตารางเมตร ในราคาราว 4 – 7 ล้านบาท
รวมทั้งยังเป็นการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในชื่อ “CHANN The Riverside Boromratchachonnani” (ฌาน เดอะ ริเวอร์ไซด์ บรมราชชนนี) โปรเจ็กต์บ้านหรูในราคาเริ่ม 15-30 ล้านบาท พัฒนาเป็น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น และจะมีโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลแห่งนี้ด้วยเช่นกันซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูล


3.ทำเลใจกลางนครปฐม
ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ใจกลางนครปฐม ในชื่อ Kave Genesis Nakhon Pathom (เคฟ เจเนซิส นครปฐม) มูลค่าโครงการกว่า 1,160 ล้านบาท ตรงข้ามเซ็นทรัล นครปฐม พัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น 3 อาคาร บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ จำนวน 579 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 21.30 – 35.00 ตร.ม. เปิดให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 – 9 มิถุนายน 2567 ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 74,000 บาทต่อตารางเมตร


โครงการเคฟ เจเนซิส นครปฐม มีการออกแบบตัวอาคารที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการนำกลิ่นอายของเมืองนครปฐม และรูปแบบสถาปัตยกรรมเรือนไทยภาคกลางมาผสมเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในด้านการใช้พื้นที่และองค์ประกอบของอาคาร อาทิ Kave Club ที่ใช้สัดส่วนหลังคาจากอาคารเรือนเครื่องสับ ที่มีชานเป็นพื้นที่กิจกรรมเพื่อสะท้อนถึงวิถีชีวิตของไทย พร้อมนำลักษณะของฉนวนทางเดิน และฝาสำหรวดที่พาดผ่านทางเข้าด้านหน้าโครงการ พร้อมนำลายประจำยามมาปรับใช้เป็นสัญลักษณ์ โดยจะสอดแทรกอยู่ทั่วไปในบริเวณผนังบันได รวมถึงราวระเบียงของอาคารพักอาศัย โดยเน้นโทนสีธรรมชาติและใช้วัสดุพื้นถิ่น


ไฮไลท์สำคัญด้านการออกแบบตกแต่งภายใน คือ การได้รับแรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์ทวารวดีในสมัยเก่าและนวัตกรรมใหม่ของการใช้ชีวิต มาประยุกต์ใช้ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Futuristic Element with Thai’s twist” โดยเน้นใช้ลวดลาย สี และรูปทรง มาออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อาทิ โถงลิฟต์ ที่ผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ โดยใช้ลวดลายอิฐผสมกับเอฟเฟกต์กระจกไล่ระดับสีและการเคลือบสีโครเมียม หรือ ห้อง Fitness ที่ใช้แสงนีออนและวัสดุสะท้อนแสงมาใช้ในการสร้างบรรยากาศ รวมถึงลวดลายของพื้นห้องที่นำองค์ประกอบของความเป็นไทยเข้ามาผนวก ตลอดจนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังตกแต่งด้วยกระเบื้องคล้ายอิฐ สีฟ้า และสีพื้นผิวโบราณ เพื่อให้มีกลิ่นอายของความเป็นไทยผสมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
สำหรับคอนโดในพื้นที่นครปฐมนั้น ได้รับความนิยมสูง โดยโครงการที่เปิดใหม่ในปี 2567 มียอดขายแล้วกว่า 90% ต่อโครงการ ส่วนโครงการที่เปิดขายในปี 2566 Sold Out หมดแล้ว บ่งชี้ถึงมานด์ในพื้นที่ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมี Capital Gain 4.5% และ Gross rental Yield 5.5% และถือเป็นผลตอบแทนที่พึงพอใจที่ดีของนักลงทุน
 
															
 
				




