ซีแพนเนลเดินเร่งขยายฐานลูกค้ารัฐ-เอกชน ชูจุดขายนวัตกรรม Precast

ซีแพนเนลเดินเกมรุกขยายฐานลูกค้าโครงการภาครัฐและเอกชน ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน ชูนวัตกรรม Precast Concrete ช่วยลดต้นทุน แรงงานตามมาตรฐานระดับสากล ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 182.73 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.80 ล้านบาท ลดลงต่ำกว่าเป้าเหตุตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีแรกชะลอตัว คาดแรงหนุนภาครัฐลงทุนจะดันตลาดฟื้นช่วงครึ่งปีหลัง

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัทซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยระบบอัตโนมัติ เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์แผนการดำเนินงานเพื่อมุ่งขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น เน้นเจาะกลุ่มงานโครงการภาครัฐและเอกชน อาทิ งานอาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล โครงการอสังหาฯทั้งแนวราบ-แนวสูง

ขณะเดียวกันบริษัทได้เร่งเปิดกำลังการผลิตโรงงานแห่งที่ 2 เต็มรูปแบบภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ชูจุดแข็งผลิตภัณฑ์ Precast Concrete ที่ผลิตแบบ Automation ทั้งระบบ พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยควบคุมคุณภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุนและแรงงาน ช่วยให้งานก่อสร้างของลูกค้าเสร็จรวดเร็วตามเวลาที่กำหนด อีกทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยคาร์บอน สามารถตอบโจทย์การก่อสร้างทุกรูปแบบ

“บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อผลิตชิ้นงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั้งทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ อีกทั้งยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการออกแบบ เพื่อช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สร้างการเติบโตต่อเนื่อง”

ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 182.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18.80 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวลดลงจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่เติบโตในอัตราที่ต่ำ ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนเลื่อนการส่งมอบงาน ชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรโดยรวมอยู่ในระดับที่ดี จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาวะอสังหาฯ ชะลอตัว

ทั้งนี้บริษัทประเมินว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯยังมีแน้วโน้มชะลอตัว แต่ตลาดก่อสร้างโดยรวมจะเริ่มกระเตื้องขึ้น เนื่องจากจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงการก่อสร้างต่างๆ ให้สอดคล้องกับปีงบประมาณที่กำลังจะครบในเดือนกันยายน 2567นี้ ประกอบกับการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานขยายฐานลูกค้าหลากหลาย จะทำให้มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในตลาดใหม่ ๆตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป

โดยปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,334 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2567 – 2568  รองรับการเปิดใช้กำลังการผลิตของโรงงานแห่งที่ 2

 

โพสที่เกี่ยวข้อง