LIV-24 จัดงานใหญ่แห่งปี ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ยุคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้วย AI และ INDUSTRIAL TECH ผนึกกำลังกับกระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. สภาอุตสาหกรรม และภาคเอกชน รับเทรนด์โลกด้านโซลูชันอัจฉริยะ ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก โดยมีผู้นำจากภาคธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมกว่า 200 บริษัท

นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัทลีฟ ทเวนตี้โฟร์ จำกัด หรือ LIV-24 เปิดเผยว่า LIV-24 ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2562 โดยบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการทางด้าน Technology Solution บริหารศูนย์ควบคุมเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยแบบ Real Time 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันเต็มรูปแบบแห่งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อป้องกันและปกป้องเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างทันท่วงที ปัจจุบันบริษัท ได้ Spin-Off ตั้งเป็นบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท LIV-24 จำกัด พร้อมมุ่งสู่การเป็น Solutions for Industrial รายแรกของประเทศไทย มี Command Centre ที่ทันสมัย ทำงานแบบไร้รอยต่อตลอด 24 ชั่วโมงเป็นรายแรกในประเทศไทย โดยมีประสบการณ์ดูแลโครงการต่างๆ มาแล้วกว่า 130 โครงการ มูลค่าทรัพย์สินกว่า 300,000 ล้านบาท
ล่าสุดได้นำเทคโนโลยี “INDUSTRIAL TECHNOLOGY” โซลูชันอัจฉริยะ เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมไทย เทียบชั้นนานาชาติ โดยตั้งเป้ารายได้ 300 ล้านบาทภายในปี 2568 แบ่งเป็น ลูกค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียล และโรงงานอุตสาหกรรม 30% ส่วนอีก 70% เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงาน
“ภาคอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานในหลากหลายกลุ่ม ตลอดจนผลักดันให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนเทคโนโลยีของประเทศ โดยกลุ่ม LIV-24 ได้ทำธุรกิจโดยใช้ AI เข้ามาช่วย เพื่อเป็นเครื่องมือที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลก”
ขณะที่ผู้ประกอบการไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเพิ่มความสามารถในการแข่งขันตั้งแต่ต้นน้ำ ทั้งการวิจัยและพัฒนา การออกแบบ และการจัดหาวัตถุดิบกลางน้ำ เน้นการผลิต การจัดการของเสีย จนถึงปลายน้ำ ให้บริการด้านการขนส่ง กระจายสินค้า และบริการหลังการขายเพื่อให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น รับมือต่อความเสี่ยงและปัจจัยภายนอก
โดยLIV-24 เป็นผู้เชี่ยวชาญการออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้ทุกรูปแบบ ดูแลครอบคลุมหลายธุรกิจกว่า130 โครงการ ผ่านมาแล้ว 500,000 เคส และมีเคสอันตรายที่เกิดกับชีวิตและทรัพย์สินเป็น 0 เคส รวมทั้งเป็น
โซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมรายแรกของประเทศไทย โดยนำ INDUSTRIAL TECHNOLOGY ที่ใช้เทคโนโลยี AI ผสานเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ ที่ออกแบบมาให้ตอบโจย์กับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะตรวจจับความผิดปกติ การดูแลระบบ เครื่องจักรต่างๆ ระบบขนส่ง การจัดการน้ำเสีย และการจัดการพลังงาน

โดยมีการเชื่อมต่อเข้าสู่ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Command Centre) ที่สามารถดูแลแบบ Real-Time
24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้โรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดเวลาที่เสียไปและเพิ่มผลผลิต เพิ่มความปลอดภัย ด้วยระบบตรวจจับและเตือนภัยอัจฉริยะ 24 ชั่วโมง ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ลดต้นทุนในการใช้พลังงานช่วยดูแลรักษาอุปกรณ์ และลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน ส่งผลให้ลดต้นทุนรวมของธุรกิจได้มากถึง 20 % ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่โรงงานอุตสาหกรรม มิกซ์ยูสโครงการอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอาคารสำนักงาน มีมูลค่าทรัพย์สินที่ดูแล
รวมกันกว่า 300,000 ล้านบาท
“LIV-24 จะเป็นอีกหนึ่ง key driver สำคัญในการสร้างโซลูชันที่สมบูรณ์แบบ โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่มนุษย์จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญในวันนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีความแข็งแกร่ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญเพื่อยกระดับประเทศสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรมในภูมิภาคต่อไป”

รศ. วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ในฐานะรัฐวิสาหกิจ
สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมขับเคลื่อนแผนขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกนอ. ตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนของภาคเอกชนต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปีนี้ กนอ. ได้กำหนดแผนฟื้นฟูการลงทุน ด้วยการลดบทบาทการเป็นหน่วยงานกำกับดูแล (regulator) มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) ที่มุ่งเน้นอำนวยความสะดวกและสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกด้าน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ควบคู่ไปกับการนำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากลด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย การยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town), ส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งเน้นจัดการกากของเสียให้มีประสิทธิภาพ





