เป็นเวลากว่า 2 ปี ที่ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ที่วางเป้าหมายขยายฐานการพัฒนาโครงการสู่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็น Destination หมุดหมายปลายทางที่ทั่วโลกต่างต้องมาเยือน จนวันนี้ ASW กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TITLE ด้วยสัดส่วน 67.94% และมีผลงานยอดเยี่ยมมียอดขายสะสม 9 เดือนแรกปี 2567 ทั้งหมด 14,578 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนที่มาจาก TITLE คิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม ทั้งนี้ ปัจจุบัน TITLE มี Backlog สะสมทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นๆ ต่อเนื่องจนถึงปี 2570

“เราจะพัฒนาโครงการในจังหวัดภูเก็ตภายใต้แบรนด์ THE TITLE การมาของ ASW จะเป็นการร่วม Join ในลักษณะของผู้ถือหุ้น ซึ่งที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการขยายทำเลมายังภูเก็ต เป็นอีกหนึ่ง Key Success ที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับเครือแอสเซทไวส์ได้อย่างมั่นคง และปัจจุบันมีเรามีโครงการที่พัฒนาร่วมกันแล้วทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 31,500 ล้านบาท และยังมีที่ดินเปล่าในมือที่รองรับการพัฒนาไปได้อีกราว 3 ปี Land Bank รวมกว่า 100 ไร่ โดยวางเป้าหมายการพัฒนาแบรนด์ THE TITLE ให้เป็น Heaven Bestination” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดในพื้นที่ทำเลภูเก็ตนั้นบริษัทยังมีไม่ถึง 10% เนื่องจากมี “ลากูนา” เป็นเจ้าตลาดใหญ่ และมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯหลายรายที่ลงมาพัฒนาโครงการบนพื้นที่เกาะภูเก็ต รวมทั้ง ผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค โดยมีสัดส่วนลูกค้าเป็นชาวต่างชาติสูงถึง 90% ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเชีย ยูเครน และยุโรป กลุ่มที่หายไปคือ ชาวจีน เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศจีนที่ต้องการควบคุมการใช้จ่ายแต่เชื่อว่าหากกำลังซื้อของกลุ่มชาวจีนกลับมาสินค้าที่มีอยู่ในตลาดอาจไม่เพียงพอ
นายกรมเชษฐ์ ยังได้ให้มุมมองถึงนโยบายขยายเพดานการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติจากเดิม 49% เป็น 75% และ เช่าที่ดิน 99 ปี มีความเห็นว่า อยากให้ทดลองใช้ในช่วง 3 ปี แรกดูก่อน ว่าจะมีทิศทางหรือแนวโน้มเป็นอย่างไร หากในระยะเวลา 3 ปี ดูแล้วไม่เกิดประโยชน์ก็ให้ยกเลิก สำหรับในพื้นที่ภูเก็ต กลุ่มสินค้าคอนโดฯอาจจะไม่เห็นผลมาก แต่กลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์มากน่าจะเป็นสินค้ากลุ่ม วิลล่า ซึ่งหากนโยบายดังกล่าวไฟเขียวจะเป็นข้อดีที่ช่วยลดปัญหานอมินีลง และทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น กำลังซื้อที่ต้องการไม่ใช่กลุ่มชาวต่างชาติทั่วๆไป แต่ต้องการกลุ่มชาวต่างชาติที่มีศักยภาพและมีเงินที่จะส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนในระบบธุรกิจ
นายเวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการพัฒนา พร้อมเดินหน้ารุกตลาดอสังหาฯภูเก็ตต่อเนื่องจะช่วยผลักดันยอดขายของโครงการในภูเก็ตช่วงไฮซีซันนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท ด้วยการประกาศแผนพัฒนาโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์ (THE TITLE CIELO RAWAI) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์
2.เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) มูลค่า 6,200 ล้านบาท และ 3.เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) มูลค่า 2,600 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในเดือนตุลาคมนี้
4.คาตาเบลโล (KATABELLO) ในกะตะ มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568
สำรับ 2 โครงการใหม่ที่จะเผยโฉมให้เห็นในเร็วๆนี้ คือ
“THE MODEVA” โครงการ Leisure Residences สูง 7 ชั้น จำนวน 6 อาคาร และ Pet-Friendly อีก 1 อาคาร รวม 859 ยูนิต บนพื้นที่ราว 15 ไร่ ใกล้หาดบางเทาเพียง 500 ม. ออกแบบภายใต้แนวคิด The Vibes of Pleasure สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและหาดทรายบนทำเลดีที่สุดของบางเทา พร้อมมอบไลฟ์สไตล์เหนือระดับกับส่วนกลางระดับ World Class ใช้ชีวิตราวกับวันพักผ่อนได้ทุกวัน และห้องพัก Fully Fitted ทั้ง Simplex และ Duplex ให้เลือกถึง 11 รูปแบบ ขนาด 29-148 ตร.ม. และห้อง Penthouse ใหญ่สุด 148 ตร.ม. โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางถึง 7,458 ตร.ม. ทั้งโซน Indoor กว่า 26 รายการ เช่น Business Lounge, Co-Kitchen, Health Center, Salon, Kid’s Club, Theater Room, Onsen และโซน Outdoor ถึง 33 รายการ อาทิ สระว่ายน้ำหลากฟังก์ชันขนาดใหญ่โอบล้อมทุกอาคาร, Hydrotherapy, Private Outdoor Living Lounge พร้อมโซนพิเศษ Pet Grooming และ Pet Zone ในอาคาร Pet-Friendly ราคาเริ่มต้น 4.1-18.7 ล้านบาท



และ “THE TITLE ARTRIO BANG-TAO” เป็นโครงการ Leisure Residences สูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร และ Pet-Friendly อีก 1 อาคาร รวม 435 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 6 ไร่ ติด Porto de Phuket ด้วยคอนเซปต์ Live Artfully, Where Creative Retreat Meets Style ถ่ายทอดความงามของศิลปะในทุกรายละเอียดของโครงการ ภายในอาคารมีห้องพัก Fully Fitted ทั้งแบบ 1 Bedroom แบบ 2 Bedroom และ Duplex ขนาด 28-132 ตร.ม. พร้อมส่วนกลางมากกว่า 41 รายการ ทั้ง Outdoor เช่น Feature Art Wall, Sculptural Playground, Waterfall, Floating Pool Terrace และ Indoor อาทิ Health Care, Live Studio, Library Lounge, Kid Space, Onsen, Boxing Area รวมถึงโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง Pet Grooming และ Pet Pool & Playground ในอาคาร Pet-Friendly ราคาเริ่มต้น 4.23-19.67 ล้านบาท


จังหวัดภูเก็ต กลายเป็นเกาะแสนล้าน ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ปัจจัยบวกมาจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ ส่งผลให้กำลังซื้อแข็งแกร่งขึ้น มีการพัฒนาโครงการทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันมูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเกาะทองคำ เช่นเดียวกับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วยซึ่งทำเลที่มียอดขายใหม่โดดเด่นมากที่สุดคือ “หาดบางเทา-หาดสุรินทร์ อัตราการขายสูงถึง 7.8% โดยมีจำนวนคอนโดเปิดขายใหม่ 4.704 ยูนิต ขายได้ใหม่มากถึง 2,202 ยูนิต และราคายอดนิยมของการซื้อ-ขายสูงสุดอยู่ในช่วง 5.01 – 7.50 ล้านบาท
เพื่อเป็นการเอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัยบริษัทจึงได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ “The Esquire” ให้บริการด้าน Property Management ครอบคลุมทั้งทีมนิติบุคคลช่วยบริหารจัดการภายในโครงการ บริการจัดหาและประสานผู้เช่า บริการซักรีด และบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก ช่วยดูแลทรัพย์สินและคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคนภายในโครงการ THE TITLE เพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายในทุกมิติ





