ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยสะสม 3 ไตรมาสอาคารชุด-แนวราบลด-7.4%เหลือ 250,580 ยูนิต

ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ไตรมาส 2 – 3 ปี 2567 ยังคงติดลบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถือว่าติดลบน้อยกว่าไตรมาส   1 สะท้อนถึงตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น หลังจากได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ให้กับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท จากเดิมไม่เกิน 3 ล้านบาทเท่านั้น จึงทำให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด ในขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวันของปีก่อน

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า การโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบและอาคารชุดในไตรมาส 3 มีจำนวน 90,628 ยูนิต ลดลง -4.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 94,946 ยูนิต และมีมูลค่า 253,252 ล้านบาท ลดลง -5.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่า 267,655 ล้านบาท

โดยมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% มีผลช่วยทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ติดลบน้อยลง โดยเห็นได้จากไตรมาส 1 จำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ ติดลบ -13.8% และ -13.4% แต่ในไตรมาส 2 การโอนกรรมสิทธิ์ติดลบน้อยลง โดยจำนวนหน่วยและมูลค่าติดลบ -4.5% และ -5.7%  และในไตรมาส 3 จำนวนหน่วยลดลง -4.5% และมูลค่าลดลง -5.4%

ส่วนข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยสะสม 3 ไตรมาสทุกประเภททั้งอาคารชุด และที่อยู่อาศัยแนวราบ มีจำนวน 250,580 ยูนิต ลดลง -7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 270,650 ยูนิต และมีมูลค่า 705,389 ล้านบาท ลดลง -8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 766,971 ล้านบาท โดยเป็นการลดลงของที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งมีจำนวนหน่วยลดลงมากถึง -12.8%  มูลค่าลดลง -9.2% ลดลงทุกระดับราคา ยกเว้นกลุ่มบ้านแนวราบระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท มีการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าเพิ่มขึ้น 2.3% และ 9.6% ตามลำดับ

ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดสะสม 3 ไตรมาส มีจำนวน   83,209 ยูนิต เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 78,813 ยูนิต แต่มีมูลค่า 212,753 ล้านบาท ลดลง -5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 224,533 ล้านบาท โดยจำนวนหน่วยที่เพิ่มขึ้นมาจากการโอนอาคารชุดกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่มีจำนวน 64,524 ยูนิต เพิ่มขึ้น10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 58,238 ยูนิต และมีมูลค่า 91,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่า 82,723 ล้านบาท

แต่ขณะที่กลุ่มระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยและมูลค่าลดลง โดยมีจำนวน 18,685 ยูนิต ลดลง -9.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 20,575 ยูนิต มูลค่า 121,643 ล้านบาท ลดลง -14.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่า 141,810 ล้านบาท

ไตรมาส 3อาคารชุดมีการโอนกรรมสิทธิ์รวม 31,247 ยูนิต เพิ่มขึ้น 7.6%

ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดในไตรมาส 3 ทุกระดับราคา มีจำนวนรวม 31,247 ยูนิต เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีการโอนจำนวน 29,041 ยูนิต แต่มีมูลค่า 79,284 ล้านบาท ลดลง -1.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 80,673 ล้านบาท

ทั้งนี้อาคารชุดในกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการฯ มีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 29,883 ยูนิต มูลค่า 59,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน 27,391 ยูนิต มูลค่า 55,933 ล้านบาท แต่อาคารชุดราคามากกว่า  7.5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการฯ มีการโอนกรรมสิทธิ์ลดลง โดยมีจำนวน 1,364 ยูนิต มูลค่า 20,013 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน 1,650 ยูนิต มูลค่า 24,740 ล้านบาท

ชาวพม่า-ไต้หวันแห่โอนกรรมสิทธิ์หห้องชุดในไทย

ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติในช่วงไตรมาส 3 พบว่า มีจำนวน 3,756 ยูนิต เพิ่มขึ้น11.6% มูลค่า 18,571 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติ 3 ไตรมาสแรก มีจำนวน 11,036 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.1% แต่มีมูลค่าการโอน 51,458 ล้านบาท ลดลง -1.5%  ลูกค้าชาวจีนและรัสเซีย แม้จะมีสัดส่วนการโอนห้องชุดอยู่ในอันดับต้น ๆ แต่มีจำนวนและมูลค่าลดลง โดยเฉพาะชาวจีนมีการโอนกรรมสิทธิ์ 4,386 ยูนิต ลดลง -12.1%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ในขณะที่พม่าและไต้หวันมีจำนวนหน่วยและมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยลูกค้าชาวพม่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ 1,050 ยูนิต เพิ่มขึ้นมากถึง 202.6% มูลค่า 5,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.9% ส่วนชาวไต้หวันมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด612 ยูนิต เพิ่มขึ้น 61.9%จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีการโอน378 ยูนิต

ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบ ไตรมาส 3 ลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีจำนวน 59,381 ยูนิต ลดลง -9.9% จากจำวน 65,905 ยูนิต มูลค่า 173,968 ล้านบาท ลดลง -7% จากมูลค่า 186,982 ล้านบาทในไตรมาส 3ปี 2566 โดยบ้านแนวราบในกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มีการโอนเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีจำนวน 1,715 ยูนิต เพิ่มขึ้น 5.5% จาก 1,625 ยูนิต และมีมูลค่า 36,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 34,392 ล้านบาท

ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯคาดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศตลอดทั้งปี2567 จะมีประมาณ 350,545 ยูนิต ลดลง-4.4% แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 243,088 ยูนิต ลดลง -6.0% และอาคารชุด 107,456 ยูนิต ลดลง -0.6% ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าจะมีมูลค่า 1,012,760 ล้านบาท ลดลง-3.3% โดยบ้านแนวราบจะมีมูลค่า 717,052 ล้านบาท และอาคารชุดมูลค่า 295,707 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มปี2568 คาดว่าจะมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจำนวน 363,600 ยูนิต เพิ่มขึ้น 3.7% มูลค่าประมาณ 1,043,300 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านแนวราบ 254,520 ยูนิต เพิ่มขึ้น4.7%มูลค่า 739,700 ล้านบาท และอาคารชุด 109,080 ยูนิต เพิ่มขึ้น1.5% มูลค่า 303,600 ล้านบาท

 

สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ไตรมาส 3หดตัว-16.2%

ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ทั่วประเทศในไตรมาส 3 เป็นไปในทิศทางเดียวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย โดยมีมูลค่า 154,168 ล้านบาท ลดลง -17.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 187,701 ล้านบาท ลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ 3 ไตรมาสแรก ปี 2567 มีมูลค่า 419,812 ล้านบาท ลดลง -16.2 %จากช่วงเดียวกันปี 2566 ที่มีมูลค่า 500,874 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าทั้งปี 2567 สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ จะมีมูลค่า 600,812 ล้านบาท ลดลง -11.4% และปี 2568 จะมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ทั่วประเทศ มูลค่า 614,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3%

 

โพสที่เกี่ยวข้อง