แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ฯส่งบริษัทลูก LSS รุกตลาดธุรกิจรักษาความปลอดภัย รับสัญญาณตลาดขยายตัวต่อเนื่อง เดินหน้าอัพเกรดเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย รับแจ้งเตือน ป้องกัน และควบคุมเหตุแบบเรียลไทม์ ในรูปแบบ Smart Security ประสานผ่านศูนย์บริหารจัดการ EOC ที่ปฏิบัติงาน 24 ชม.เตรียมขยายงานใหม่ให้บริการที่จอดรถให้เช่า โชว์รายได้ปีนี้แตะ 345 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23%
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจรักษาความปลอดภัย มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายตัวในด้านดีมานด์หรือความต้องการใช้บริการธุรกิจบริหารจัดการโครงการอสังหาฯ และอาคารเชิงพาณิชย์ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้น ทั้งด้านความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน จากเหตุไม่คาดคิดและสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยี AI รูปแบบ Smart Security จึงเพิ่มโอกาสให้กลุ่มธุรกิจรักษาความปลอดภัยมีการขยายตัวสูงขึ้นและมีมูลค่าสูงกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี
จะเห็นได้จากการขยายงานบริการด้านความปลอดภัยของบริษัท ภายใต้ชื่อบริษัทรักษาความปลอดภัย แอลเอสเอส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ LSS เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 20-30% โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นเพิ่มขึ้นจาก 280 ล้านบาทในปี 2566 มาอยู่ที่ 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 23% และสามารถครองสัดส่วนรายได้รวมของกลุ่มบริษัท LPP อยู่ที่ 30% ส่วนปีหน้าตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากงานบริการรักษาความปลอดภัย 68% บริการรักษาความสะอาด 26% และบริการอื่นๆ 6%
ทั้งนี้จากข้อมูลของบริษัทแอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด คาดการณ์ว่าในปี 2567-2569 จะมีโครงการที่พักอาศัยกว่า 1,000 โครงการ และพื้นที่อาคารสำนักงานกว่า 11,000,000 ตารางเมตร ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยดูแล โยมีมูลค่าสะสมสูงถึง 7,070 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล
“ตลอดระยะเวลาในการดำเนินการ LSS ได้มีการเปลี่ยนแปลง ปรับตัว และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการดูแล ทั้งด้านความปลอดภัยทางกายภาพ รวมถึงการรักษามูลค่าโครงการผ่านกระบวนการ ‘Property Continuity Plan’ เพื่อให้มีระยะเวลา Downtime ในการใช้พื้นที่น้อยที่สุดเมื่อเกิดเหตุร้าย โดยมุ่งเน้นฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด มีการวางแผน เตรียมตัว และซักซ้อมในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอาคาร ค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการ recover รวมถึงการมี supplier ที่พร้อมเข้าซ่อมแซมเพื่อกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว“
ทั้งนี้ได้มีการทำงานควบคู่กับการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดูแลรักษาความปลอดภัยแบบ Real-Time เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย ลดความสูญเสียและเสียหาย ให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้น อย่างการนำเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ Next Gen CCTV, AI, IoT ฯลฯ เข้ามาประสานการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การตรวจจับความผิดปกติ และระบบป้องกัน
นายธำรงค์พล แดงบุบผา กรรมการผู้จัดการ บริษัทรักษาความปลอดภัย แอลเอสเอส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ LSS กล่าวว่า ปัจจุบัน LSS มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของงานบริการ โดยได้พัฒนา Digital Platform และระบบ NFC Device (Near Field Communication) สำหรับจุดตรวจดูแลรักษาความปลอดภัยที่สามารถรายงานผลได้แบบ Real-Time และยังมีระบบ Next Gen CCTV และ IoT ที่ประสานการทำงานร่วมกันในจุดเสี่ยงที่สำคัญ หรือจุดวิกฤติ ที่ต้องการเฝ้าระวังแบบ 24/7 พร้อมแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินแบบทันทีผ่าน “ศูนย์ปฏิบัติการเหตุฉุกเฉิน” และรวมศูนย์ข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Data Visualization ในรูปแบบการปฏิบัติงานแบบ Command Center ที่พร้อม Monitoring และแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน และจัดการเหตุฉุกเฉินตามระดับความสำคัญ (SLA) โดยทุกการแจ้งเตือนจะต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเหตุการณ์ ระงับเหตุ และปิดเคสทุกเคสได้ 100% อีกทั้ง LSS มีทีมงานที่มีพื้นฐานทางวิศวกรรม จึงสามารถช่วยให้การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดในงาน EOC ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้นอกจากผู้ให้บริการด้านการดูแลความปลอดภัย LSS ยังให้การดูแลในเรื่องความสะอาด (Security & Cleaning Solutions) และบริการอื่นๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย อาทิ การดูแลสวน งานรักษาความสะอาดเฉพาะด้าน เช่น การโรยตัวทำความสะอาดอาคาร โดยให้บริการครอบคลุมทั้งโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงแรม โรงเรียน โรงงาน และหน่วยงานราชการมากกว่า 150 โครงการ
รวมทั้งการให้บริการอัพเกรดที่อยู่อาศัย อาคารเก่าให้มีความทันสมัยและพร้อมให้บริการมากขึ้น ล่าสุดได้มีการรีโนเวทเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์สูง 19 ชั้นในซอยสุขุมวิท 39 ให้เป็นคอนโดมิเนียมเพื่อขาย ราคาขายตารางเมตรละ 2 แสนกว่าบาท จะเปิดตัวกลางปี 2568 รวมทั้งมีการก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ในซอยสุขุมวิท 11 และโรงพยาบาลในย่านสุขุมวิท
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้พัฒนาระบบ Cleaning Management System (CMS) ในโรงพยาบาล เพื่ออัพเดทข้อมูลการย้ายเข้าและออกของผู้ป่วยใน และประสานไปยังหน่วยรักษาความสะอาดโดยอัตโนมัติ เพื่อเข้าไปทำความสะอาดห้อง และเมื่อเสร็จงานระบบจะแจ้งว่าห้องพร้อมใช้ พยาบาลจะสามารถจัดสรรผู้ป่วยรายใหม่เข้าพักฟื้นได้ทันที ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลที่ LSS เข้าไปดูแลแล้ว อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา และโรงพยาบาลกรุงเทพ จอมเทียน
นอกจากนี้บริษัทยังได้ขยายแผนการดำนเนินงานให้บริการที่จอดรถให้เช่า ในพื้นที่ใกล้แหล่งงานและพื้นที่ตามแผนเส้นทางรถไฟฟ้า ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป โดยจะมีบริการทั้งที่จอดรถแบบปกติ และแบบ Auto Parking ขึ้นอยู่กับแปลงที่ดินและความต้องการในพื้นที่ คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงต้นปี 2568 โดยได้นำร่องให้บริการที่จอดรถในพื้นที่คอมมูนิตี้มอลล์ของโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิตคลอง 1
โดยปัจจุบันบริษัทมีทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนกว่า 1,400 คนที่ผ่านการอบรมตาม “หลักสูตรรักษาความปลอดภัย” มีใบอนุญาตตามกฎหมาย และยังได้รับการอบรมด้านทักษะการบริการเป็นอย่างดี พร้อมเจ้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการใช้อาคารต่างๆ ให้ได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยขั้นสูง