ส่องภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี’68แข่งขันสูง รุกเจาะตลาดใหม่รอจังหวะฟื้น

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเผยสัญญาณตลาดรับสร้างบ้านปี 2568 เป็นบวกมูลค่าแตะหมื่นล้านบาท เผชิญหน้าความท้าทายต่อเนื่อง ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจ ต้นทุนแรงงาน การแข่งขันสูง แนะธุรกิจเร่งปรับตัว งัดกลยุทธ์ฝ่าแข่งขันรุนแรง เจาะช่องหาตลาดใหม่ในต่างจังหวัด พร้อมขานรับแนวโน้มด้านเทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เตรียมพร้อมรอวันตลาดฟื้นตัว

นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 มีความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ค่าครองชีพสูงจากต้นทุนสินค้าที่ปรับตัว ส่งผลต่อรายได้ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มที่กำลังวางแผนสร้างบ้านชะลอการตัดสินใจออกไป ทำให้คาดการณ์มูลค่ารวมยอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านของบริษัทรับสร้างบ้าน (ที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ) ในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท จากเป้าหมายต้นปี 2567 วางไว้ 12,000 ล้านบาท

ส่วนสถานการณ์ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2568 คาดว่าจะมีสัญญาณบวกจากปัจจัยสนับสนุนทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจมากขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยเริ่มกลับมาตัดสินใจสั่งสร้างบ้านใหม่กันมากขึ้น รวมถึงยังได้รับปัจจัยบวกจากแรงจูงใจด้านการลดหย่อนภาษีการสร้างบ้าน สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านมูลค่า 1 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนภาษี 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท (ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท) โดยเป็นบ้านสั่งสร้างที่มีการเซ็นสัญญาและเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 9 เมษายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2568

ส่งผลให้ตลาดรับสร้งบ้านจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ขณะที่ปัจจัยด้านการแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านก็มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในปี 2568 ทั้งจากบริษัทรับสร้างบ้านด้วยกันเอง และจากบริษัทผู้รับเหมาอาคารสูง เช่น โครงการคอนโดมิเนียม ที่หันมารับงานรับสร้างบ้านกันมากขึ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด

 “แม้ว่าภาพรวมตลาดในปีนี้ยังรอจังหวะฟื้นตัวของกำลังซื้อ แต่ในเซ็กเมนต์บ้านระดับราคา 5 – 10 ล้านบาท และบ้านระดับราคา 20 ล้านบาท กลับได้รับความสนใจมากขึ้นจากผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน ประเมินได้จากยอดสั่งสร้างบ้านภายในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2567 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้าน รวมไปถึงการรุกทำตลาดและรับคำสั่งสร้างบ้านในต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทรับสร้างบ้าน (ที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ) จะเน้นเจาะตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก จึงเป็นโอกาสใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในปี 2568”

ทั้งนี้จากความท้าทายด้านภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวยังคงเป็นสิ่งที่สมาคมฯ จับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งปัญหาการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อในระดับกลางถึงล่าง อาจประสบปัญหาการจัดการหนี้สิน ทำให้ยกเลิกหรือชะลอการสร้างบ้านออกไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่น่าจับตามอง ในเป็นประเด็นค่าแรงที่เพิ่มขึ้นและแรงงานหายาก รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสร้างบ้านเพิ่มขึ้น นำไปสู่การชะลอตัดสินใจสั่งสร้างบ้านของผู้บริโภค ขณะที่บริษัทรับสร้างบ้านจะเน้นการปรับกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการบ้านแนวคิดใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบสมาร์ทโฮม บ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Homes) และบ้านประหยัดพลังงาน

โพสที่เกี่ยวข้อง