เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีงบการเงิน 2568 (ต.ค.-ธ.ค.67) สร้างรายได้ รวม 3,268 ล้านบาท กำไรสุทธิ 329 ล้านบาท ธุรกิจที่อยู่อาศัยได้รับแรงหนุนจากแคมเปญ “บ้านเฟรเซอร์ส คิดมาครบ” หนุนยอดโอน ขณะที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าบูมต่อเนื่อง ทำอัตราการเช่าพุ่งถึง 89% ขณะที่อาคารสำนักงาน-พื้นที่รีเทลเติบโตมั่นคง สามารถรักษาระดับการเช่าสูงถึง 92%
ธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2568 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567) บริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ เฝ้าระวังผลกระทบจากปัจจัยลบที่มีความผันผวนสูงทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งปรับแผนการดำเนินงานตามกลยุทธ์ “กอด – Secure Core, Embrace Future” รักษาฐานลูกค้าเดิม และเดินหน้าขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ด้วยการขับเคลื่อนใน 3 มิติ คือ Flexible ปรับตัวให้ยืดหยุ่นตามดีมานด์ของตลาด, Feeling สร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับ และ Focus มุ่งพัฒนาสินค้าและบริการที่เชี่ยวชาญ
ส่งผลให้ไตรมาส 1 ปีงบการเงิน 2568 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567) บริษัททำรายได้รวม 3,268 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,003 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าและบริการ 796 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ 469 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 329 ล้านบาท
โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ประสบความสำเร็จจากแคมเปญการตลาด “บ้านเฟรเซอร์ส คิดมาครบ” ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค พร้อมด้วยการระบายสต๊อกในบางโครงการ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เน้นกลยทธเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติด้วยการจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีน โฟกัสลูกค้าที่สนใจโครงการคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะ
ส่วนในปีนี้บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ นครราชสีมา และขอนแก่น รวมทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,800 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่คือ Gramour และ Goldina ซึ่งเป็นสินค้าสไตล์โมเดิร์นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
ด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม มีอัตราการเช่าเฉลี่ยทั้งในและต่างประเทศสูงถึง 89% ซึ่งเป็นอัตราการเช่าสูงสุดเท่าที่บริษัทเคยทำได้ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนต่อเนื่องจากยุทธศาสตร์ China Plus One และแรงเสริมจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัทที่มีทั้งในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนามจากดีมานด์พื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทได้เปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลาสต์ ไมล์ ฮับ ในโซนอุตสาหกรรมปู่เจ้า
สมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ และอาคารศูนย์กระจายสินค้าในเขตปลอดอากรของโครงการบางนา 2 โลจิสติกส์ พาร์ค
ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม อาคารสำนักงานเกรดเอและพื้นที่รีเทลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าที่มีการต่อสัญญาใหม่ ทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับอัตราการเช่าอยู่ที่ 92% ด้านธุรกิจโรงแรมมีรายได้ลดลงจากการยุติการดำเนินกิจการโรงแรมเมย์แฟร์ แมริออท เอ็กเซกคิวทีฟ อพาร์ตเมนต์ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี