เบิร์กลีย์ กรุ๊ปขนคอนโดฯหรู‘TRILLIUM’เมืองลอนดอนขายนักลงทุนไทยเริ่มต้น28.6 ล้านบาท

เบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ผู้พัฒนาอสังหาฯจากประเทศอังกฤษ ประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ “TRILLIUM” London W2, Zone 1 บนทำเลย่าน Prime Central London เจาะกลุ่มนักลงทุนให้ผลตอบแทนสูง ราคาเริ่มต้น 28.6 ล้านบาท ล่าสุดขนห้องชุดอาคารแรก 149 ยูนิตมาโรดโชว์ในเมืองไทยเจาะกลุ่มผู้ปกครอง นักลงทุน ตั้งเป้ายอดขาย 20%

ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์  กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอลดีเอ็นลักซ์ ลิฟวิ่งส์ จำกัด  เปิดเผยว่า บริษัท เบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้สร้างบ้านชั้นนำจากประเทศอังกฤษ ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในลอนดอนและเขต South East ของอังกฤษ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ “TRILLIUM” London W2, Zone 1 บนทำเลย่าน Prime Central London  บนพื้นที่ 3 ไร่ จำนวน 3 อาคาร รวมทั้งหมด 556 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องชุดแบบ Manhattan, แบบ 1-3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 40 – 109 ตารางเมตร ตกแต่งแบบ Fully Fited ราคาเริ่มต้น 28.6 ล้านบาท ส่วนห้องเพนท์เฮาส์ราคา 220 ล้านบาท โดยได้เปิดขายอาคารแรกก่อนสูง 23ชั้น จำนวน 149 ยูนิตไปเมื่อวันที่ 1กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนงานก่อสร้างอาคารแรกคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2571

โดยเน้นการขายโครงการให้กับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากเอเชียตะวันออกกลาง อาทิ ไทย จีน สิงคโปร์ และฮ่องกง ผ่านการจัดโรดโชว์และงานนิทรรศการในต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือกับตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วโลก ล่าสุดได้นำห้องชุดดังกล่าวมาจัดงานโรดโชว์ที่เมืองไทย เพื่อเจาะกลุ่มผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานปเรียนที่ประเทศอังกฤษ และนักลงทุน คาดว่าจะทำยดขายได้ 20%จากจำนวน้องชุดของอาคารแรก 149 ยูนิต

ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีทั้งพื้นที่สวนสาธารณะ ,สระว่ายน้ำ สระไฮโดร และสปาเท้า ห้องเกลือ ห้องอบไอน้ำ และซาวน่าอินฟราเรด ,ห้องอาหารส่วนตัว ห้องสตูดิโอและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า,ห้องทรีตเมนต์สปา รวมถึงซาวน่า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พักผ่อนส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุน้ำแข็ง,ห้องรับรองสำหรับผู้อยู่อาศัย ห้องฉายภาพยนตร์ และCo-working Space พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถเข้าใช้ยิมภายในโครงการ West End Gate ได้เช่นกัน

“ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ในเครือหลายแบรนด์ที่เน้นพัฒนาตลาดเฉพาะ เช่น Berkeley Homes, St George, St James, St Edward, St William และ St Joseph ซึ่งแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นในการพัฒนาโครงการที่หลากหลาย ตั้งแต่โครงการบ้านพักอาศัยหรูไปจนถึงพื้นที่อุตสาหกรรมที่ปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่อยู่อาศัยได้ ที่สำคัญทางบริษัทให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  โดยการออกแบบโครงการที่สอดคล้องกับแนวคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)”

ฌอน บาร์เร็ตต์ กรรมการผู้จัดการ และ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟายน์ แอนด์ คันทรี กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในปี 2568 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนสินค้าในตลาดมีค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคาอสังหาฯอาจปรับตัวขึ้นประมาณ 2-4% หากเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวและธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้ซื้อและนักลงทุน โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองและพื้นที่ที่มีการคมนาคมสะดวก เช่น ย่านธุรกิจสำคัญและพื้นที่ใกล้ระบบรถไฟใต้ดิน รวมถึงโครงการ Cross rail ที่ยังคงดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อและนักลงทุน

ส่งผลให้โอกาสในการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าในลอนดอนยังมีแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากลอนดอนมีความต้องการการเช่ามากกว่าซัพพลายที่มีอยู่ในตลาด ขณะที่ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะย่าน Prime Central London  (อ้างอิงจากผลประกอบการของโครงการ West End Gate) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับตั้งโครงการ “TRILLIUM” London W2, Zone 1

อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาฯในลอนดอนมีความแตกต่างกันในแต่ละโซน โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองและพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานดียังคงมีดีมานด์สูงและราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ย่านชานเมืองมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว ดังนั้นหากเศรษฐกิจอังกฤษมีเสถียรภาพและฟื้นตัวจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ Real Demand กลุ่มคนทำงาน – นักศึกษาต่างชาติ และนักลงทุนในแถบเอเชียและตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงให้ความสนใจตลาดอสังหาฯในลอนดอน และกลุ่มอสังหฯระดับหรู โดยเฉพาะโครงการเพื่อการลงทุน

ด้านนาเน็ต ฮวง หัวหน้าฝ่ายขาย เซนต์เอ็ดเวิร์ด โฮม บริษัทเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ทำเลที่ตั้งโครงการ “TRILLIUM” LONDON W2 Zone 1 ซึ่งอยู่ในย่าน West End ใจกลางกรุงลอนดอน หรือลอนดอน โซน 1 (London Zone 1) ถือเป็นย่านที่คนไทยคุ้นชิน โดยรายล้อมไปด้วยแลนด์มาร์คที่สำคัญ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ขณะที่ทำเลที่ตั้งคอนโดมิเนียมของโครงการ TRILLIUM LONDON W2 เป็นย่านที่มีความต้องการสูง ทั้งกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่อการลงทุน และซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง เพราะสามารถเดินทางไปยังถนนอ็อกซ์ฟอร์ดได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ตรงข้ามกับ Edgware Road Station ใกล้กับสถานีแพดดิงตันที่เป็นสถานีหลักของกรุงลอนดอน และรายล้อมไปด้วยแหล่งสถานศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำของกรุงลอนดอน เช่น London Business School เป็นต้น

โพสที่เกี่ยวข้อง