แลนดี้ โฮม ตั้งเป้ายอดขายปี 68 กว่า 2.7 พันล้าน ยกระดับอุตสาหกรรม สร้าง Ecosystem ธุรกิจรับสร้างบ้านครบวงจร

แลนดี้ โฮม ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท ชู 3 แบรนด์เรือธงหลังตอบโจทย์ทุกความแตกต่าง เดินหน้าสร้าง Ecosystem ธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างครบวงจร ตั้งแต่ธุรกิจโรงงานผลิตโครงสร้างสำเร็จรูป,ธุรกิจ Interior ภายใต้แบรนด์ “Rudolf”,ธุรกิจพลังงานสะอาด และธุรกิจระบบเติมอากาศ Fresh Air สร้างบ้านแรงดันบวกป้องกัน PM 2.5 เข้าบ้าน ภายใต้แบรนด์ CAP+ (แคพ พลัส) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความแตกต่างจากบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไป พร้อมยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทย ให้มีบ้านที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี

พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2568 บริษัทฯยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรับสร้างบ้านของประเทศไทย และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโต โดยตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ขยายตลาดและพัฒนาแบรนด์ในเครือ โดยเฉพาะ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ Trendy Home, Landy Home และ Landy Grand ให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภคโดย

  • Trendy Home มุ่งเน้น Rebrand ใหม่ให้ทันสมัย ภายใต้แนวคิด “Trendy Home Live in Trend” โดยจะเปิดตัวบ้านแบบใหม่ ในระดับราคาไม่เกิน 3.5 ล้านบาท เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงแบบบ้านสวยราคาคุ้มค่าได้ง่ายขึ้น และในระดับราคา 5 – 8 ล้านบาท ที่มีดีไซน์สวย นวัตกรรมทันสมัย คุณภาพพรีเมียม ในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ ขณะที่มีแบบบ้านยอดนิยมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น Citrine บ้านสวยสไตล์ Modern Luxury หรือ Quartz บ้านสวยสไตล์ Modern Classic พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่
  • Landy Home พร้อมรุกตลาดหัวเมืองใหญ่ โดยเปิดตัวบ้านแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รองรับทุกความต้องการที่หลากหลายทั้งบ้านชั้นเดียว, บ้าน 2 ชั้น และ 3 ชั้น พร้อมด้วยดีไซน์และฟังก์ชันใหม่ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ อาทิ แบบบ้าน Balinese Modern – บ้านชั้นเดียวสไตล์บ้านพักตากอากาศ Rochester – บ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่สุดหรู เจาะกลุ่มสำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีความภูมิฐาน
  • Landy Grand มุ่งขยายตลาดบ้านระดับ Luxury เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาบ้านพักตากอากาศและ Home Office ที่ให้ทั้งความหรูหราและฟังก์ชันครบครัน พร้อมเปิดตัว แบบบ้านใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม อาทิ แบบบ้าน ORIGAMI บ้านหรู 3 ชั้นกลิ่นอายญี่ปุ่น และแบบบ้าน OMOTESANDO ที่ได้แรงบันดาลใจจากย่านแฟชั่นสุดหรูของญี่ปุ่น

ด้านผลงานในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมที่ 2,200 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนยอดขายในแต่ละแบรนด์ ดังนี้

• Landy Grand (บ้านระดับ Luxury ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป) คิดเป็น 30% ของยอดขาย
• Landy Home (บ้านขนาดกลาง ราคา 8-20 ล้านบาท) คิดเป็น 45% ของยอดขาย
• Trendy Home (บ้านขนาดเล็ก ราคาไม่เกิน 8 ล้านบาท) คิดเป็น 25% ของยอดขาย

“ในปี 2567 ที่ผ่านมา ธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดรวมหดตัวลง โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท ลดลงจาก 12,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ประกอบกับราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับแลนดี้ โฮม ได้เตรียมพร้อมปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI ระบบการประมวลผลที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบ พัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน” นางสาว พรรัตน์กล่าว

แลนดี้ โฮม ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำตลาดรับสร้างบ้านในประเทศไทย แต่ยังมุ่งสร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยการสร้าง Ecosystem ธุรกิจรับสร้างบ้านที่ครบวงจร โดยใช้ AI Design System เพื่อออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า พร้อมนำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น CAP+ ระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ ป้องกันฝุ่น PM 2.5 และ CJ Sun พลังงานแสงอาทิตย์ ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและรองรับการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลและการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้แนวคิด “Green Living & ESG” ประกอบด้วย

• โรงงาน NOVA Modular: ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างด้วยโครงสร้างสำเร็จรูปที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ช่วยลดปริมาณวัสดุเหลือทิ้ง,ลดการปล่อยฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง,ลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพิ่มความแม่นยำ และลดระยะเวลาก่อสร้าง ปัจจุบัน NOVA Modular มีโรงงาน 2 แห่ง ได้แก่ พระราม 2 และวิหารแดง จังหวัดสระบุรี พร้อมแผนขยายสู่ภูมิภาคต่างๆ ในอนาคตอันใกล้ รองรับการผลิตได้ถึง 250,000 ชิ้นต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการสร้างบ้านในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

• Rudolf: บริษัทตกแต่งภายในในเครือแลนดี้ โฮม ที่ช่วยให้การออกแบบภายในเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ด้วย Rudolf Collections ที่มีดีไซน์หลากหลายให้เลือก เช่น Modern, Classic, Minimal พร้อมปรับแบบให้เข้ากับพื้นที่ได้โดยไม่ต้องเสียเวลารอออกแบบใหม่ ประหยัดเวลา คุมงบประมาณได้ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า

• CAP+ (Clean Air Positive Pressure): นวัตกรรมระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ที่ช่วยสร้าง แรงดันบวกภายในบ้าน ป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรค และมลพิษจากภายนอก ไม่ให้เล็ดลอดเข้าสู่ตัวบ้านได้ตั้งแต่แรก ลดปัญหาภูมิแพ้บ้านไม่อับ และเพิ่มคุณภาพอากาศในบ้าน

• CJ Sun ผู้ให้บริการติดตั้ง SOLAR Rooftop สำหรับบ้านลูกค้าแบบครบวงจร มุ่งเน้น การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานระยะยาว และ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ภายในบ้าน ด้วยแผงโซลาร์เซลล์คุณภาพสูง รับประกันการผลิตไฟฟ้านาน 30 ปี พร้อมอินเวอร์เตอร์รับประกัน 10 ปี ออกแบบและติดตั้งโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ รองรับการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน และมีบริการ After Sales Service ครอบคลุมถึง 3 ปี พิเศษ สำหรับลูกค้าที่สร้างบ้านกับแลนดี้ โฮม รับประกันหลังคา 5 ปี ช่วยให้ลูกค้าประหยัดพลังงานและเพิ่มมูลค่าบ้านในระยะยาวรองรับแนวคิด Green Living และช่วยลด Carbon Footprint สู่อนาคตของที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน.
แลนดี้ โฮม มุ่งใช้ AI เพื่อเสริมศักยภาพทุกกระบวนการทำงาน ตั้งแต่การวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า การพัฒนา FAQ อัจฉริยะ สำหรับตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ การใช้ AI ในการออกแบบ Graphic & Visual Content เพื่อสื่อสารแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการประเมิน ต้นทุนก่อสร้างและวัสดุ เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับแบบบ้านและฟังก์ชันที่ตรงใจที่สุด นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ในการบริหารโครงการก่อสร้าง ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมต้นทุนและระยะเวลาส่งมอบ พร้อมทั้งปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรับสร้างบ้านไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง

โพสที่เกี่ยวข้อง