ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปี’67หดตัว-5.2%จำนวน 347,799 ยูนิต

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายงานสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 4 ปี 2567 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 97,413 ยูนิต เพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส รับแรงหนุนจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศตลอดทั้งปี2567 มีจำนวน 347,799 ยูนิต ลดลงถึง -5.2% บ้านแนวราบลดลง –10.6%ทุกระดับราคา ส่งผลให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยล่อยใหม่ทั่วประเทศลดลง –13.4%มูลค่า 587,344 ล้านบาท ประเมินตลาดอสังหาฯปี 2568 ฟื้นตัว จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 353,389 ยูนิต เพิ่มขึ้น 1.6%

 

กมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ไตรมาส 4 ปี 2567 ขยายตัวดีขึ้น โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 97,413 ยูนิต เพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศลดลง-1.5%  มีจำนวน 275,563 ล้านบาท แต่ถือเป็นการติดลบในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท จากเดิมไม่เกิน  3  ล้านบาท ส่งผลให้มีการโอนกรรมสิทธิ์ก่อนสิ้นสุดมาตรการในช่วงสิ้นปี 2567 เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารชุดมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 33,361 ยูนิต เพิ่มขึ้น 13.9% คิดเป็นมูลค่า 84,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้หากเทียบกับการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 2567ที่มีจำนวน 347,799 ยูนิต ลดลงถึง -5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการโอนอาคารชุดจำนวน 116,439 ยูนิต เพิ่มขึ้น 7.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการโอนกรรมสิทธิ์สำหรับอาคารชุดที่มีราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนบ้านแนวราบมีการโอนจำนวน 231,360 ยูนิต ลดลง -10.6% ซึ่งลดลงทุกระดับราคา

ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปี 2567 มีมูลค่า 980,648  ล้านบาท ลดลง -6.3%  โดยอาคารชุดมีมูลค่าการโอน 297,060 ล้านบาทลดลง -2.5% เป็นการลดลงจากการโอนอาคารชุดในราคามากกว่า 7 ล้านบาทขึ้นไป แต่ในขณะที่อาคารชุดไม่เกิน 7 ล้านบาทปรับเพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนบ้านแนวราบมีมูลค่า 683,588 ล้านบาทลดลง -7.9%

ส่งผลให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2567 มีมูลค่า 167,532 ล้านบาท ลดลง -5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 177,473 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี 2567 มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่า 587,344 ล้านบาท ลดลง -13.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 678,347 ล้านบาท

สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศประมาณ 353,389 ยูนิต เพิ่มขึ้น 1.6% แบ่งเป็นการโอนอาคารชุดประมาณ 116,618 ยูนิตเพิ่มขึ้น 0.2% และการโอนบ้านแนวราบ ประมาณ 236,770 ยูนิต เพิ่มขึ้น  2.3% ขณะที่ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภทจะอยู่ที่ 994,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% โดยเป็นการโอนอาคารชุดมูลค่าประมาณ 298,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% และบ้านแนวราบมูลค่า 696,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% ซึ่งมีปัจจัยบวกมาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 และเม็ดเงินจากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่คาดการณ์ว่าจะลงสู่ระบบเศรษฐกิจในปีนี้อีก 2.6 แสนล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มอัตรดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที จะส่งผลให้ประชาชนยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่า ปี 2568 จะมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมูลค่า 593,634  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากปี 2567

โพสที่เกี่ยวข้อง