บริษัท ลิฟ-24 จำกัด ประกาศผลประกอบการปี 2567 ทำรายได้รวม 116.5 ล้านบาท เติบโตขึ้น 78% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 65.4 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งขยายฐานลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมด้วยโซลูชั่น Industrial Tech หนุนผู้ประกอบการด้านความปลอดภัย ลดต้นทุน และ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ พร้อมลุยขยายธุรกิจใหม่ ตั้งเป้ารายได้ 280 ล้านบาท หรือโตขึ้นกว่า 140% ในปี 2568
นิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด เปิดเผยว่า LIV-24 ก้าวสู่ปีที่ 6 เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากบริการโซลูชั่นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้งาน เพื่อผลักดันความเติบโต ส่งผลให้ LIV-24 เอง เติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยรายได้ของเราในปีที่ผ่านมา มาจากโครงการที่อยู่อาศัย เช่น บ้าน, คอนโดมิเนียม และกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น โรงงานและคลังสินค้า เป็นหลัก และมีลูกค้าที่ไว้วางใจเรา เช่น บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส , Bangkok Aviation Fuel Services , ธนาคารกรุงไทย, โตโยต้า ขอนแก่น, asset five, Pre Built และ สัมมากร เป็นต้น
“เกือบ 6 ปีที่แล้ว เราเลือกลงทุนกับเทคโนโลยี AI เพราะเราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนโฉมธุรกิจได้ และวันนี้ เราได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนธุรกิจของเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ AI กลายเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ โดยเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนา Smart Solutions ด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อรองรับความต้องการของทุกภาคธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Smart City อย่างเป็นรูปธรรม”
โดยโซลูชั่นที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ AI CCTV Analytics ระบบแจ้งเหตุผิดปกติอัจฉริยะ ที่ผสานเทคโนโลยี AI กับความเชี่ยวชาญของมนุษย์เข้าด้วยกัน โดยหากระบบตรวจพบเหตุผิดปกติหน้างาน จะถูกรายงานไปยังศูนย์ Command Centre ทันทีแบบเรียลไทม์ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นโมเดลที่ช่วยป้องกันเหตุก่อนเกิด โดยที่ผ่านมา เราสามารถเข้าระงับเหตุได้รวดเร็วเฉลี่ยใน 5 นาที และมีเคสอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สินเป็น 0 เคส ซึ่งตรงกับแนวคิด ‘มีเราไม่มีภัย’ ของ LIV-24
ถัดมาคือโซลูชั่น Visitor Management System ซึ่งช่วยให้การเข้า-ออกพื้นที่ เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบ LPR ที่สามารถตรวจสอบและจดจำป้ายทะเบียนรถ พร้อมระบบลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าพื้นที่ เพื่อจัดการ Traffic อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการชำระค่าบริการจอดรถผ่านแอปพลิเคชั่น Line ซึ่งทำขึ้นเป็นรายแรกในไทย ทำให้เข้าถึงผู้ใช้ได้เป็นวงกว้าง และสามารถช่วยลดต้นทุนด้านระบบลงถึง 40%
กลยุทธ์สำคัญของ LIV-24 ในปี 2568
1.มุ่งขยายบริการไปยังภาคอุตสาหกรรม หลังจากที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. และสภาอุตสาหกรรมไทยในปีที่ผ่านมา เพื่อนำ Industrial Tech มาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยในปีนี้เราจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมให้กว้างขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะ ระบบบริหารจัดการเครื่องจักร ระบบขนส่ง และการจัดการพลังงานและน้ำเสีย ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาที่เสียไปจากความเสียหาย เพิ่มความปลอดภัย ลดต้นทุนพลังงาน และยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน พร้อมลดต้นทุนรวมได้ถึง 20% เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
2.เสริมทัพความแข็งแกร่งให้กับบริการ ด้วยโซลูชัน Smart Tech ระดับพรีเมียม ด้วยมาตรฐานการติดตั้ง Hardware และ Software ที่มีคุณภาพสูงและได้รับการรับรอง ภายใต้แบรนด์ “LIV-24 Nexus” เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี และ อาคารสำนักงานพรีเมียม ที่ยังคงเติบโตในต่อเนื่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้
3.ตั้งเป้าขยายธุรกิจใหม่ เช่น Smart Parking System ระบบบริหารลานจอดรถอัจฉริยะ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการกับเจ้าของลานจอดรถ รวมไปถึงเจ้าของที่ดินเปล่า ที่สามารถนำพื้นที่ว่างมาใช้เป็นธุรกิจลานจอดรถได้ ด้วยการใช้โซลูชันของ LIV-24 ในการวางระบบและจัดการ traffic ในพื้นที่ รวมถึงการบริหารลานจอดรถอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีสแกนป้ายทะเบียนและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวก ลดความยุ่งยากในการดำเนินงาน และสามารถสร้างรายได้จากที่ดินเปล่าได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น