สมาคมอสังหาฯลุ้นแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังคลอดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯทั้งการปลดล็อค LTVชั่วคราวทุกระดับราคาในทุกหลังที่ลูกค้าซื้อ และการลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01%ให้เร็วสุดภายในวันที่ 20มีนาคมนี้ฉลองงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 ที่เตรียมเปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้แนวคิด “Sustainable Living For Better Life” ตอบรับกระแสรักษ์โลก กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคัก
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจอสังหาฯในยุคปัจจุบันมีปัจจัยกระทบจากทั่วโลกเข้ามาเร็วมาก ทำให้ต้องมีการบริหารงานแบบรายไตรมาส สิ่งที่ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคต้องการในตอนนี้ คือ ยาเร็วและยาแรงจากมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯของภาครัฐทั้งในส่วนของธนาคารแห่งงประเทศไทยและกระทรวงการคลังเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจสังหาฯให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20-23 มีนาคม2568 ถือเป็นปรอทวัดและจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของตลาดอสังหาในประเทศไทย จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปลดล็อค LTV เป็นการชั่วคราว ในทุกระดับราคาในทุกหลังที่ลูกค้าซื้อ เช่นเดียวกันกับนโยบายของกระทรวงการคลัง ในการลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และ ลดค่าจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% ในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยคาดว่าทั้ง 2มาตรการจะมีผลเร็วที่สุดหรือประกาศออกมาใช้ก่อนงานมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะเริ่มจัดขึ้นในวันที่ 20 มีนาคม 2568 นี้
สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ปี 2567 ถือเป็นปีที่ตกต่ำสุดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างจะ Button Out แม้จะมีการเติบโตในไตรมาสที่ 4 ก็ตาม โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศประมาณ 340,000 ยูนิต ส่วนในปี 2568 นี้ถือว่าตลาดอสังหาฯมีแนวโน้มที่จะเติบโตเป็นบวก จากตัวเลขจากการวิเคราะข้อมูลของศูนย์ขอมูลอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า อาจจะมีโอกาสเติบโตได้ถึง 2.3% โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ 236,000 ยูนิต ในขณะที่มูลค่าน่าจะโตได้ถึง 696,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 1.8%
โดยในส่วนของ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ได้มีส่วนส่งเสริมภาคธุรกิจอสังหาฯด้วยการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯปีละ 2 ครั้งอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ายังมี Demand อยู่ในตลาด ถึงแม้ว่าจะมีสถานการณ์ที่เรียกว่าตลาดติดลบ ดังนั้นภาครัฐควรให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาฯด้วยการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ให้เร็วที่สุด
ดร.ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 กล่าวว่า
แม้ในปี 2568 ตลาดจะเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายประการ ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง มาตรการสินเชื่อที่เข้มงวด และยอดการปฏิเสธสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทไปจนถึง 7 ล้านบาท ขณะที่ทิศทางของตลาดอสังหาฯในช่วง 2เดือนแรกของปีนี้ยังเป็นความท้าท้ายเพราะอยู่ในช่วงท้องช้างที่รอการฟื้นตัว
โดยการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 นี้ทั้ง3 สมาคมผู้จัดงาน ได้ร่วมมือกันผลักดันภาคอสังหาฯให้สามารถเดินหน้าต่อไป รวมทั้งให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบกัน นอกจากนี้ยังคาดว่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยตัดสินใจซื้อขายภายในงาน และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายบ้านและคอนโดฯจากการจัดงานครั้งนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท
โดยจัดงานภายใต้แนวคิด ‘Sustainable Living For Better Life’ มีโครงการอสังหาฯหลากหลายทำเลกว่า 1,000 โครงการจากผู้ประกอบการ 200 รายมาร่วมออกบูธ พร้อมด้วยสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำ มาร่วมให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อและอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อสามารถยื่นขอสินเชื่อภายในงานได้ทันที
หัสกร บุญยัง ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 กล่าวเสริมว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen X ให้ความสำคัญกับอสังหาฯที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น งานครั้งนี้จึงนำเสนอแนวคิดที่สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืน พร้อมโชว์เทรนด์บ้านรักษ์โลก ประหยัดพลังงาน วัสดุก่อสร้างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานและจองลงทะเบียนมากกว่า 10,000คน ขณะที่ปี 2566-2567 เฉลี่ยผู้เข้าร่วมงานอยู่ที่ 8,000 คน โดยผู้เข้าร่วมงานที่มีการจองบ้านในงานจะมีสิทธิ์ลุ้นรับส่วนลดบัตรกำนันมูลค่าสูงถึง 300,000 บาท